[HxH][HisoxGon] You’re mine [1]

Title : You’re Mine [1]
Fandom : Hunter x Hunter
Pairing : HisoxGon,IlumiXKillua
Rate : NC15
Note : เรื่องนี้มีสองคู่ค่ะ พาร์ทแรกจะเป็นฮิโซกะxกอน แล้วถึงจะเป็นพาร์ทของอิรูมิxคิรัวร์ นะคะ เป็นเรื่องแรกๆที่เคยแต่งไว้นานแล้ว แล้วก็เคยลงไว้ใน Exteen ด้วยค่ะ เดี๋ยวจะย้ายฟิคจาก exteen มาลงที่นี่ให้หมดเลย เพราะไม่ค่อยได้เข้าที่นั่นแล้วค่ะ >< อนึ่ง เป็นเรื่องต่อยอดจากตอนที่พวกคิรัวร์ได้เป็นฮันเตอร์แล้วมาฝึกการต่อสู้ที่หอคอยกลางหาว หวังว่าคงไม่งงกันนะคะ แฮ่ะ

 

—————————————–

 

ย้อนกลับไปเมื่อสี่ชั่วโมงก่อนหลังจากต่อสู้กับเหล่านักสู้บนชั้นที่สองร้อยเสร็จสิ้น เขากับคิรัวร์ก็ตัดสินใจไปเดินเล่นกันในย่านการค้าเพื่อคลายเครียดและพักผ่อนหย่อนใจ

 

 

ขณะที่กอนทิ้งร่างลงนั่งบนม้านั่งยาวใกล้กับสวนสาธารณะ ระหว่างรอคิรัวร์ที่เดินไปกดน้ำกระป๋องจากตู้ขายอัตโนมัติ

 

 

ฉับพลันนั้นกอนจับได้ถึงกระแสจิตสังหารที่แผ่ซ่านมาจากทางเบื้องหลัง จนตัวเขาต้องกระโดดหนีไปตั้งหลักอย่างตื่นตระหนก

 

 

“ฮิฮิ ปฏิกิริยาตอบโต้ยังไวเหมือนเคยเลยนะ” น้ำเสียงราบเรียบติดจะขำขันดังขึ้นก่อนที่เงาสูงใหญ่จะค่อยๆ เคลื่อนออกมาจากหลังพุ่มไม้

 

 

“ฮิโซกะ!” กอนคำรามเสียงดัง มือเล็กยกขึ้นกำหมัดแน่นทั้งสองข้างพลางตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้

 

 

“โอ๋ๆ อย่ารีบร้อนขนาดนั้นสิ วันนี้ฉันไม่ได้มาเพราะอยากจะสู้กับเธอหรอกนะ” ฮิโซกะยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากที่คลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

 

“แล้วนายต้องการอะไร! ป้ายนั่นฉันก็คืนให้นายไปแล้ว หรือว่านายอยากจะสู้กับฉันอีกรอบ” กอนจ้องเขม็งมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้วางใจ

 

 

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้มาเพื่อสู้กับเธอ…” ฮิโซกะยกมือขึ้นเสยผมสีเงินของตัวเองอย่างระอาใจ เสมือนว่าเขากำลังคุยกับเด็กที่เอาแต่ใจ

 

 

“แล้วนายต้องการอะไร!” กอนกระชากถามเสียงดัง

 

 

“ฉันต้องการ….” ฮิโซกะพูดค้างไว้ก่อนที่ทั้งร่างจะหายวับไปต่อหน้าต่อหน้า

 

 

“..เธอ” กอนเบิกตาโพลงเมื่อคนที่เพิ่งหายลับไปตรงหน้าเขาเมื่อครู่กลับโผล่มาอยู่เบื้องหน้าเขาในระยะประชิดพร้อมด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่กระซิบอยู่ข้างหู

 

 

เมื่อฮิโซกะพูดจบ ฝ่ามือหนาก็จงใจเงื้อขึ้นหมายจะฟาดลงมาที่หลังคอของกอน หากแต่ร่างที่ควรอยู่ตรงหน้ากลับถูกแรงบางอย่างกระชากจนร่างนั้นปลิวหวือถลาไปกับพื้น หลบฝ่ามือที่ฟาดลงมาได้อย่างเฉียดฉิว

 

 

“โอ๊ย…เจ็บจัง” กอนโอดครวญเสียงเบา ร่างเล็กค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง พลางยกมือขึ้นปัดเศษหินที่ทิ่มแทงอยู่ตรงหัวเข่าออก

 

 

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” คิรัวร์ที่ล้มอยู่ข้างกันลุกขึ้นนั่งก่อนจะส่งเสียงถามเพื่อนตัวเล็ก

 

 

“อื้ม ขอบใจนะที่ช่วย ไม่เป็นไรหรอก” กอนคลี่ยิ้มให้ ปากเล็กส่งเสียงร้องเบาๆ ยามดึงเศษหินที่ทิ่มอยู่ตรงหัวเข่าออก เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาตามหัวเข่าช้าๆ

 

 

“ขอโทษนะ ฉันวู่วามไปหน่อย นึกวิธีอื่นที่จะช่วยนายให้พ้นเงื้อมมือหมอนั่นไม่ออกจริงๆ เลยทำให้นายต้องเจ็บตัวเลย” คิรัวร์หลุบตาลงต่ำอย่างสำนึกผิด ก่อนจะหันไปจ้องมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกจ้องมองมาทางพวกเขา ขณะระบายรอยยิ้มยากเดาอารมณ์อยู่ตรงมุมปาก

 

 

“พวกเธอนี่…รักกันจังเลยน้า” ว่าพลางเดาะลิ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หากแต่ตรงข้ามกับบรรยากาศรอบๆ ตัวที่เริ่มแผ่จิตสังหารออกมา

 

 

“แก…ตั้งใจจะทำอะไรกับกอนกันแน่!” คิรัวร์คำรามอย่างโกรธแค้น ร่างบางพุ่งถลาไปที่หาของฮิโซกะพลางกางนิ้วและเล็บออกทั้งสองมือหมายจะปลิดชีพคนตรงหน้า

 

 

“โว้วๆ สีหน้าแบบนั้นนี่น่าประทับใจจัง มันทำให้ฉันเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาน่ะ” ฮิโซกะปรบมือเสียงดังอย่างยินดีระหว่างที่หลบเลี่ยงการโจมตีของคิรัวร์อย่างง่ายดาย

 

 

 

…ฟิ้ว…

 

 

 

เสียงไพ่ที่ลอยเฉียดใบหน้าของคิรัวร์เรียกให้เลือดให้ซึมออกมาตามบาดแผลเป็นทางยาว คิรัวร์ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดออกก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับนักมายากลที่กรีดไพ่ในมือให้ลอยละล่องอยู่บนอากาศอย่างอารมณ์ดี

 

 

“อ้าว? โดนหรอกเหรอเนี่ย อุตส่าห์แกล้งปาไปส่งๆ แล้วเชียวน้า” ฮิโซกะว่ายิ้มๆ นิ้วชี้กับนิ้วกลางชักขึ้นหนีบเอาไพ่ที่ลอยเคว้งเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศมาหนึ่งใบ ดวงตาเรียวคมปราดสีเทาจ้องมองร่างของคิรัวร์อย่างเฉียบคม

 

 

“ฉันจะเริ่มเอาจริงแล้วนะ หลบให้ดีๆ ล่ะ” ว่าจบนิ้วยาวที่มีไพ่สอดเอาไว้ระหว่างกลางก็ตั้งท่าหมายจะเหวี่ยงไพ่ใบนั้นออกไปยังเป้าหมายที่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง

 

 

 

…หมับ…

 

 

 

“อย่าทำอะไรคิรัวร์นะ!” แขนเรียวเล็กโอบรอบกล้ามแขนฮิโซกะเอาไว้แน่น

 

 

“หืม?” ฮิโซกะเหลือบหางตามามองกอนที่เกาะแขนเขาแน่นอย่างกับลูกลิง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั้นจ้องมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

 

 

“ห้ามทำอะไรคิรัวร์นะ!” เสียงห้าวเล็กแบบเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตตะโกนสุดเสียง แม้ท่อนแขนที่เกาะเขาไว้จะสั่นระริกเพียงใด หากแต่แววตาที่มุ่งมั่นนั้นยังฉายแววไม่ยอมแพ้ต่อความกลัวที่มีต่อเขา

 

 

ฮิโซกะยิ้มขำอย่างอารมณ์ดี เขาลดมือที่ถือไพ่ลง สะบัดมือหนึ่งทีไพ่ที่อยู่ในมือก็หายวับไปราวกับธาตุอากาศ

 

 

“ฉันไม่ทำร้ายเขาหรอกน่า ก็แค่หยอกเล่นนิดหน่อยเอง เนอะ… คิรัวร์ แผลนั่นคงไม่ทำให้นายเจ็บเท่าไหร่หรอกใช่มั้ย?” ฮิโซกะหันไปฉีกยิ้มถามคิรัวร์ที่กัดฟันกรอดด้วยอารมณ์โกรธแค้น

 

 

“แค่เล่นงั้นเหรอ! อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย ถ้ากอนไม่มาห้ามไว้แกคงฆ่าฉันไปแล้ว กอน! ออกห่างจากเจ้าหมอนั่นซะ!” ประโยคแรกเจ้าของเส้นผมสีเงินตัดสั้นนั้นพูดกับฮิโซกะ ส่วนประโยคที่สองกลับกลายมาเป็นประโยคสั่งเพื่อนสนิทซะอย่างนั้น

 

 

“อ่ะ…โอเค” กอนตะลีตะลานปล่อยแขนที่จับฮิโซกะเอาไว้ออก หากแต่มือหนาเอื้อมมาช้อนร่างเล็กขึ้นไปแนบอกด้วยแขนข้างเดียว

 

 

“เอ๊ะ!?” กอนทำสีหน้างงงวย มือเล็กพยายามดันอกคนตรงหน้าให้ออกห่าง

 

 

“แก! ปล่อยกอนนะ!” คิรัวร์เงื้อหมัดตั้งใจจะชกร่างใหญ่นั่นให้หงายคว่ำ

 

 

“กอน รอนี่ก่อนนะ” ฮิโซกะก้มลงกระซิบริมใบหูเล็กก่อนจะปล่อยร่างกอนให้ลงไปยืนบนพื้น มือแข็งแรงกำหมัดขวาตัวเองไว้แน่นครั้นรีดเร้นพลังกายออกมาจนเส้นเลือดที่แขนโปดปูน

 

 

“…คิรัวร์” กอนตาค้างเมื่อมองเห็นหน้าฮิโซกะที่มีจิตสังหารห้อมล้อมอยู่รอบตัว

 

 

ไม่ผิดแน่! ถ้าคิรัวร์วิ่งเข้ามาถึงตัวฮิโซกะ คิรัวร์อาจโดนหมัดนั้นเข้าไปเต็มๆ

 

 

ถึงรู้อยู่เต็มอกว่าคิรัวร์เก่งกาจขนาดไหน แต่ในยามนี้ฮิโซกะไม่ใช่คู่มือที่พวกเขาจะปราบได้ง่ายๆ หมัดนั้นหากโดนเข้าคงไม่ถึงตายแต่ก็อาจปางตายได้

 

 

“หยุดนะ!” คิดได้ดังนั้น ร่างเล็กก็ถลาเข้าไปตรงกลางเพื่อหวังจะหยุดการต่อสู้ของทั้งสู้โดยไม่เกรงกลัวต่อหมัดทั้งสองฝ่ายที่กำลังเงื้อเข้ามาใกล้เขาทุกที

 

 

“กอน!/กอน!” ฮิโซกะและคิรัวร์ตะโกนขึ้นพร้อมกัน ทว่า พวกเขาหยุดหมัดนี้ไม่ทันเสียแล้ว

 

 

…ผัวะ…

 

 

ร่างเล็กลอยหวือตกลงไปในน้ำพุประดับกลางสวนสาธารณะ แก้มทั้งสองข้างบวมแดงจากแรงกระแทก เลือดสีแดงสดไหลจากจมูกเล็กเป็นทาง

 

 

“กอน!” กอนยังคงได้ยินเสียงเรียกของคิรัวร์แว่วมาเป็นระยะ หากแต่เปลือกตาเขามันหนักอึ้งจนแทบจะปิด ทำให้เขามองเห็นแค่ภาพเพียงเลือนราง ครั้นเมื่อพยายามจะส่งเสียงตอบเขากลับเค้นเสียงไม่ออกเหมือนกับเรี่ยวแรงได้เหือดหายไปหมด

 

 

เสียงทะเลาะของคิรัวร์และฮิโซกะยังคงดังต่อเนื่องให้เขาได้ยินมาแว่วๆ กอนอยากจะตะโกนบอกทั้งสองคนว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิด เขาเป็นคนผิดเองที่ไปขวาง แต่ตอนนี้เขารู้สึกเพลียและระบมเหลือเกิน…

 

 

เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงช้าๆ กอนยังคงนอนแผ่แช่น้ำอยู่ในน้ำพุเย็นเฉียบพักใหญ่ กระทั่งรู้สึกได้ถึงวงแขนที่ช้อนตัวเขาขึ้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นคิรัวร์หรือฮิโซกะที่เป็นคนอุ้มเขาขึ้นมาแต่เขาก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่อย่างน้อยก็เลิกทะเลาะกันและช่วยเขาขึ้นมาจากบ่อน้ำเสียที กอนคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนสติดับวูบไปอย่างสมบูรณ์

 

 

ร่างเล็กบนเตียงขยับอย่างยากลำบาก กอนรู้สึกถึงความร้อนระอุที่ประทุออกมาจากร่างของตัวเองราวกับไฟ ริมฝีปากเล็กแตกและแห้งผาก เหงื่อเม็ดน้อยไหลพราวจนโซมกาย ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงต้องคอยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามลำตัวให้อยู่เรื่อยๆ

 

 

“อือ…” ร่างเล็กส่งเสียงอื้ออึงอย่างรำคาญผ้าที่ไล้ไปตามลำคอ เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ลืมขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมองเพดานสีขาวตรงหน้าอย่างมึนงง

 

 

“ตื่นแล้วเหรอ” ฮิโซกะพูดพลางนำผ้าขนหนูลงไปแช่ในกะละมังใบเล็กที่ใส่น้ำจนเต็ม

 

 

“ฮิโซกะ…” น้ำเสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมา กอนชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยมีคนร่างสูงคอยพยุงช่วย ร่างเล็กนั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเบลอๆ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกออกกว้าง

 

 

“เฮ้ยยย! นายพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ยฮิโซกะ!” กอนโวยวายเสียงดังลั่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น และเขาคงใช้แรงตะโกนมากไป เขาถึงเริ่มรู้สึกมึนหัวจนร่างหล่นตุ้บไปกองกับพื้นเตียง

 

 

“อย่าโวยวายเสียงดังสิ ฉันก็แค่รักษาแผลให้เธอเท่านั้นแหละนะ” ฮิโซกะพูดพลางอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู

 

 

“ยิ้มอย่างนั้นหมายความว่าไง! แล้วคิรัวร์ล่ะ!” กอนหนีไปจนชิดริมหัวเตียงอย่างหวาดระแวง ฮิโซกะหัวเราะออกมาน้อยๆกับปฏิกิริยานั้น

 

 

“คิรัวร์น่ะเหรอ ป่านนี้ก็คงกำลังตามหาเธออยู่ล่ะมั้ง ถ้าลุกขึ้นมาไหวอ่ะนะ หึหึ” น้ำเสียงที่แค่นหัวเราะอย่างมาดร้ายส่งผลให้คนร่างเล็กขนลุกเกรียวอย่างห้ามไม่อยู่

 

 

“แก!! ทำอะไรคิรัวร์น่ะ” กอนลุกขึ้นยืนบนเตียงแม้จะยังปวดหัวตุบๆ มือเล็ดตั้งท่าการ์ดเตรียมการต่อสู้

 

 

“หืม…ใจร้ายจังเลยนะ ฉันไม่ทำอะไรร้ายแรงอย่างนั้นหรอกน่า ก็แค่…” ฮิโซกะคลานเข่าขึ้นมาบนเตียงช้าๆ

 

 

“…ชกไปแค่ไม่กี่หมัดเท่านั้นเอง” ปลายนิ้วชี้ของฮิโซกะขยับทันทีที่พูดจบ ส่งผลให้ข้อเท้าของกอนที่ไม่รู้ว่าถูกบันจี้กั้มป์แปะไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ลอยหวือขึ้นไปเหนือเตียงก่อนที่ร่างเล็กจะหงายท้องหล่นตุ้บกระแทกลงกับเตียงนุ่ม และยังไม่ทันที่กอนจะได้ทันลุกขึ้นมาหายใจหายคอ ข้อเท้าก็ถูกกระชากลอยหวืออีกครั้ง

 

 

“เหวอออ!!” กอนร้องเสียงหลงเมื่อประทะเข้ากับแผงอกกว้างของฮิโซกะ

 

 

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันออมแรงไว้เยอะเลย เขาไม่ตายหรอก” ฮิโซกะกอดกอนที่อยู่ในอ้อมแขนแน่น ก่อนจะก้มลงไปกระซิบข้างหูเบาๆ
“ที่ต้องห่วงนะ คือตัวเธอมากกว่า”

 

 

“อื้อออ” กอนหันหน้าหลบไปอีกทางทันทีที่ฮิโซกะเลียใบหูของเขา

 

 

“ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่! ปล่อยฉันนะ” กอนโวยวายเสียงดัง มือเล็กพยายามจะยกหมัดเพื่อชกหน้าฮิโซกะแต่กลับถูกคนร่างใหญ่กว่ารับหมัดเอาไว้ได้

 

“ไม่เอาน่ากอน อย่าใช้ความรุนแรงสิ ร่างกายเธอยังไม่หายดีเลยนะ” ฮิโซกะหยัดยิ้ม ก่อนจะออกแรงบีบไปยังมือที่รับหมัดเอาไว้จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของร่างในอ้อมกอดถึงค่อยคลายมือออก

 

 

“อย่าดื้อนักเลยน่า นอนรักษาตัวเฉยๆ เถอะเดี๋ยวก็ไม่หายไข้กันพอดี” ฮิโซกะวางร่างกอนลงบนเตียงอย่างเบามือ หากแต่ร่างเล็กกระถดตัวหนีไปชิดริมหัวเตียงทันทีที่ถูกวาง

 

 

“ฉันจะไปหาคิรัวร์” ดวงตากลมโตจ้องมองฮิโซกะอย่างไร้แววหวาดหวั่น ฮิโซกะจ้องมองดวงตานั้นตอบอย่างหลงใหล เขาเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว มือหนากำแน่น เล็กจิบเข้ากับเนื้อด้านในจนได้เลือด เขากำลังพยายามสะกดกลั้นความต้องการทางเพศที่เริ่มประทุอย่างเต็มความสามารถโดยคนร่างเล็กที่ยังคงจ้องมองหน้าเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

 

 

“….หืมม อยากไปหาคิรัวร์งั้นเหรอ?” หลังจากที่หลับตาเพื่อให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลง ฮิโซกะก็หันมาพูดกับกอนที่ยังคงจ้องหน้าเขาไม่วางตา
“แน่นอนสิ เพราะคิรัวร์เป็น….อ๊ะ!?” ยังไม่ทันที่กอนจะพูดจบ ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ทาบทับลงมาอย่างรวดเร็ว กอนกัดริมฝีปากตัวเองแน่นด้วยความกลัว ฮิโซกะลากลิ้นไล้เลียไปตามเรียวปากของกอนก่อนจะกัดกลีบปากล่างของกอนอย่างแรงจนเลือดไหลซึมออกมา

 

 

“อึ๊!!” กอนหลับตาปี๋น้ำตาไหลซึมออกมาเป็นทางยาวด้วยความเจ็บปวดพลางกัดเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นขึ้นอีกเพื่อกลั้นไม่ให้หลุดเสียงร้องออกมา ฮิโซกะลากลิ้นเลียเลือดที่ซึมออกมาจากริมฝีปากกอนอย่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบก่อนจะถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า

 

 

“…ขอโทษนะ เพิ่มแผลให้อีกจนได้” ฮิโซกะก้มลงกระซิบที่ข้างหูกอน พลางยกนิ้วขึ้นไล้น้ำตาออกให้

 

 

“…….” กอนหันหน้าหนีมือฮิโซกะที่กำลังเช็ดน้ำตา ก่อนจะยกหลังมือตัวเองขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ

 

 

“ขอโทษนะ แต่ฉันคงให้นายไปหาคิรัวร์ไม่ได้” ฮิโซกะพูดเบาๆ

 

 

“ฉันจะไปหาคิรัวร์” กอนพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะช้อนสายตาขึ้นเหลือบมองฮิโซกะ ขนตางอนยาวยังคงมีรอยชื้นจากหยาดน้ำตาให้เห็น

 

 

“…….กอน” ฮิโซกะเรียกชื่อกอนเบาๆ มือหนาเอื้อมไปคว้าร่างเล็กมากอด

 

 

“ขอโทษ…. แต่คงไม่ได้หรอก”

 

 

“ทะ…ทำไมไม่ได้ล่ะ” กอนถามด้วยความไม่เข้าใจ มือเล็กพยายามดันอกร่างหนาออก

 

 

“อย่ามากอดฉันนะ!”

 

 

“…กอน ไม่ได้ก็คือไม่ได้นะ อย่าดื้อสิ นี่เธอเป็นไข้อยู่ด้วยนะ” ฮิโซกะยกมือหนาขึ้นทาบกับหน้าผากมนที่ร้อนสุมราวกับไฟ

 

 

“อย่ามาแตะ! ปล่อย! ฉันจะไปหาคิรัวร์…อ๊ะ!?” กอนตะคอกเสียงดัง เขาผละออกจากฮิโซกะได้สำเร็จ หากแต่เมื่อก้าวลงจากเตียงเขาก็รู้สึกว่ามึนหัวไปหมด ร่างทั้งร่างโคลงเคลงก่อนจะหงายล้มลงพอดีกับที่อ้อมแขนแข็งแกร่งยืนมารับได้ทัน

 

 

“เห็นมั้ยล่ะ บอกแล้วว่าอย่าดื้อ” ฮิโซกะอุ้มร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนก่อนจะค่อยๆ วางร่างของกอนไว้บนเตียง

 

 

“…คิรัวร์” ปากเล็กเรียกชื่อเพื่อนสนิทออกมาเบาๆ กอนรู้สึกว่าตาเขาพร่าไปหมด

 

 

 

..ปึง ปึง ปึง…

 

 

 

“กอน! กอน!” เสียงรัวเคาะประตูกสลับกับเสียงตะโกนเรียกของคิรัวร์ดังขึ้นมาจากทางหน้าห้อง

 

 

“คิรัวร์! ฉันอยู่นี่!!” กอนเบิกตาโพลง ก่อนจะตะโกนสุดเสียง เขาผลักร่างฮิโซกะออกแล้ววิ่งถลาไปยังบานประตู

 

 

“อ๊ะ!?” ยังไม่ทันจะถึงบานประตูร่างของกอนก็ลอยหวือกลับมาประทะเข้ากับแผงอกของฮิโซกะอีกครั้ง

 

 

“ถ้านายอยากให้ฉันฆ่าเขาล่ะก็ ลองวิ่งไปเปิดประตูอีกรอบดูสิ” ฮิโซกะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้แววล้อเล่น

 

 

“กอน! นายอยู่ที่นี่ใช่มั้ย ฉันจะพังเข้าไปแล้วนะ” เสียงของคิรัวร์ตะโกนขึ้นพร้อมๆกับเสียงชกบานประตูอย่างแรง

 

 

“เฮ้อ…ช่วยไม่ได้นะ” ฮิโซกะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาผลักตัวกอนให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะเดินไปยืนตรงหน้าบานประตู

 

 

“ปึง!!”บานประตูที่ลอยหวือออกมาถูกเน็นของฮิโซกะปัดไปอีกทางหนึ่งจนกระแทกเข้ากับผนังห้องเสียงดังลั่น

 

 

“แก…ฮิโซกะ คืนกอนมาเดี๋ยวนี้!” คิรัวร์คำรามเสียงรอดไรฟันอย่างโกรธแค้นพลางเดินย่างสามขุมเข้ามาหาฮิโซกะที่ยืนกอดอกพลางยกยิ้มเย็นชา

 

 

“หึ! กอนน่ะเป็นของฉัน” ฮิโซกะพูดด้วยใบหน้าระบายยิ้มทว่าน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยรังสีอำมหิต

 

 

“คิรัวร์! คิรัวร์!” กอนวิ่งถลาไปยังคิรัวร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูแต่กลับถูกฮิโซกะคว้าแขนแล้วกระชากกลับมาจนร่างของกอนประทะเข้ากับแผงอกของฮิโซกะเต็มแรง

 

 

“กอน! แก…ปล่อยกอนนะ!” คิรัวร์ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้ เขากางเล็บออกและจู่โจมทันที

 

 

“ไม่-มี-ทาง”  ฮิโซกะเน้นคำชัดเจนทีละคำก่อนจะอุ้มกอนแล้วกระโดดหลบการโจมตีของคิรัวร์ เขากระโดดออกไปยืนใกล้ริมบานหน้าต่างและเหยียดยิ้ม

 

 

“นายก็รู้ว่าสู้ฉันไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากฆ่านายหรอกนะ เพราะมันจะทำให้กอนเสียใจ”

 

 

“กอน!” คิรัวร์พุ่งเข้ามาหาฮิโซกะพร้อมกับยื่นมือออกมาหมายจะจับมือของกอน

 

 

“คิรัวร์!” กอนยื่นมือออกไปสุดแขนหวังจะคว้ามือคิรัวร์ที่ยื่นมา

 

 

“เสียใจด้วยนะ ที่ฉันจะยอมให้มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้” เมื่อฮิโซกะพูดจบก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับหันมาส่งยิ้มเยาะให้กับคิรัวร์ที่ยืนทำหน้าตกใจ

 

 

“คิรัวร์!!” กอนตะโกนเรียกคิรัวร์สุดเสียงก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนักๆ ฟาดเข้ามาที่หลังคออย่างแรง

 

 

“กอน!” กอนรู้สึกเหมือนว่าเปลือกตาของตัวเองได้ปิดลงอย่างช้าๆ เสียงตะโกนของคิรัวร์ค่อยๆเลือนหายไปพร้อมๆกับความมืดที่เข้ามาแทนที่

 

 

…………………………………………

 

 

“อืมม…” กอนพลิกตัวหนีจากวัตถุหยุ่นนุ่มอุ่นที่ประทับอยู่บนหน้าผาก เขายกมือขึ้นปัดมันออกอย่างรำคาญ

 

 

“คิกคิก น่ารักจริงๆ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นข้างหูพร้อมด้วยวัตถุนุ่มอบอุ่นที่ประทับเข้ามาอีกครั้งตรงข้างแก้ม

 

 

“อืม…” กอนปรือตาขึ้นมองช้าๆ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นฮิโซกะนอนมองหน้าเขาอยู่

 

 

“เหวอออ!” กอนผงะตัวหนีถอยกรูดไปจนชิดริมหัวเตียงอย่างหวาดหวั่น ฮิโซกะในสภาพผมเปียกลู่กับชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่สาบเสื้อแหวกออกจนเห็นแผงอกดูยั่วยวนจนกอนเผลอจ้องมองอย่างหลงใหล

 

 

“น่ารักจังเลยนะ เด็กดี” ฮิโซกะอมยิ้มกับท่าทางของกอนที่คล้ายกับลูกแมวตัวน้อยระแวงภัยตลอดเวลา

 

 

“คิ…คิรัวร์ล่ะ? นายทำอะไรเขา” กอนถามเสียงสั่น

 

 

“หึ! คิรัวร์อีกแล้ว ตื่นมาก็ทำให้ฉันไม่สบอารมณ์เลยนะ” ฮิโซกะแค่นหัวเราะ “คิรัวร์ไม่มีทางมาตามนายที่นี่ได้หรอก”

 

 

“มะ…หมายความว่ายังไง”

 

 

“ก็หมายความว่า…” ฮิโซกะค่อยๆคลานเข่าเข้ามาหากอน

 

 

“ที่นี่น่ะต่อให้เป็นคิรัวร์ก็ตามไม่เจอหรอก”

 

 

“เอ๊ะ!?” กอนส่งเสียงในลำคออย่างสงสัย

 

 

“ที่นี่น่ะเป็นเกาะทางตอนใต้ที่ไม่ได้ระบุในแผนที่” ฮิโซกะอมยิ้มก่อนจะฉวยหอมแก้มกอนฟอดใหญ่

 

 

“ที่นี้เราจะได้อยู่ด้วยกันสองคน ไม่ต้องมีใครมารบกวนแล้วนะ”

 

 

“ปล่อยฉันนะฮิโซกะ!” กอนผลักฮิโซกะออกก่อนจะวิ่งถลาไปยังบานประตูที่อยู่ไม่ไกล

 

 

“ไร้ประโยชน์น่า” ฮิโซกะยิ้มเยาะก่อนจะยกนิ้วชี้ใช้บันจี้กั้มป์ดึงกอนกลับมาบนเตียง

 

 

“บันจี้กั้มป์ของฉันน่ะนะ ถ้าฉันไม่ถอนออกให้ เธอก็ไม่มีวันหนีไปได้หรอกนะ รู้มั้ย? กอน…” ฮิโซกะเหยียดยิ้ม

 

 

“กอนจะต้องอยู่กับฉันที่นี่และเป็นของฉันตลอดไป”

 

 

“ไม่มีทาง! ฉันไม่ยอมหรอก” กอนตะโกนสุดเสียงก่อนจะกระโดดไปตั้งการ์ดเตรียมต่อสู้ พร้อมกับปล่อยพลังเน็นออกมาตั้งรับ

 

 

“หึ เปล่าประโยชน์น่ากอน” ฮิโซกะค่อยๆเดินเข้ามาใกล้

 

 

“อย่าทำอย่างนี้สิ อย่างนี้มันทำให้ฉันเกิดอารมณ์ไม่ใช่รึไง” ฮิโซกะแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ดวงตาสีเทาจ้องมองกอนอย่างหื่นกระหาย

 
“เอ๊ะ!? หมายความว่าไง” กอนถามด้วยความไม่เข้าใจทว่ายังไม่หยุดปล่อยกระแสเน็น

 

 

“…เฮ้อออ เกิดอะไรขึ้นฉันไม่รู้ด้วยแล้วนะ” ฮิโซกะถอนหายใจออกมาพลางยกมือขึ้นเสยผมตัวเองน้อยๆ ร่างสูงปล่อยเน็นออกมาอย่างเต็มที่ จนกอนตัวแข็งทื่อขยับตัวไม่ได้

 

 

ฮิโซกะเหยียดยิ้ม เขาเดินไปอุ้มกอนที่ยืนตัวแข็งด้วยความหวาดกลัวเน็นของเขามาวางบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนเน็นออก
“ฮ้าา…” กอนสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงทันทีที่ฮิโซกะถอนเน็นออกไป

 

 

“หึ เธอนี่น่ารักจังเลยนะ” ฮิโซกะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

 

 

“รู้มั้ยตั้งแต่พบกันครั้งแรก ฉันก็หลงใหลมาตลอด” ฮิโซกะก้มลงจูบที่ริมฝีปากของกอนอย่างแผ่วเบาก่อนจะกดหลังคอของกอนเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้กอนขยับหนี

 

 

“อื้อออ” กอนส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอทันทีเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นหนาที่ลูบไล้บริเวณหน้าท้องของเขา

 

 

ฮิโซกะใช้มือที่ว่างอีกข้างล้วงเข้าไปในกางเกงของกอน นิ้วยาวไล้วนอยู่ตรงช่องทางเบื้องหลัง เขารู้สึกได้ถึงแรงกระตุกจากร่างของกอนเป็นระยะเมื่อเขาค่อยๆกดนิ้วให้จมลึกลงไป

 

 

“อื้อ…อ๊ะ!” ทันทีที่ฮิโซกะถอนริมฝีปากออกกอนก็เผลอหลุดร้องเสียงหลงทันทีที่รู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ขยับเข้าออกอยู่เบื้องหลัง

 

 

“ฮิโซ….อื้อ” กอนกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เขาอึดอัดในช่องทางเบื้องหลังจนอยากจะผละหนี แต่อีกใจหนึ่งกลับเรียกร้องอย่างหื่นกระหายจนเขาเผลอแอ่นสะโพกเข้ารับการรุกรานอย่างไม่รู้ตัว

 

 

 

“หึ น่ารักจังเลยนะ กอน” ฮิโซกะหลุดขำ เขาก้มลงไล้เลียใบหูของกอนช้าๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของคนในอ้อมกอดให้กระเจิดกระเจิงมากขึ้นไปอีก

 

 

“กอน…เธอเป็นของฉัน”

 

 

ฮิโซกะพูดและก้มลงจูบที่ริมฝีปากของกอนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะถอนริมฝีปากออกและกระซิบที่ข้างหูของกอนอย่างแผ่วเบา

 

 

“ตลอดไป…”

 

…………………………………………………….

 

อากาศยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางม่านหน้าต่างจนไปกระทบเข้ากับร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ฮิโซกะมองร่างนั้นอย่างหลงใหลก่อนจะก้มประทับจูบลงบนหน้าผากมนและถอนริมฝีปากออก เขาเดินออกมาตรงชานระเบียงหน้าบ้าน

 

 

พึ่บพึ่บพึ่บ

 

 

เสียงเรือบินที่ค่อยๆ ร่อนลงจอดตรงหน้าบ้านของฮิโซกะดังขึ้น เขายืนเท้าแขนตรงราวบันได พลางจ้องมองบุคคลผู้มาเยือนอย่างรู้แก่ใจว่าเป็นใคร

 

 

“ว่าไงอิรุมิ” ฮิโซกะส่งเสียงทักทายเพื่อนสนิทที่ลงจากเรือบินและกำลังเดินเข้ามาหาเขา

 

 

“อืม” อิรุมิส่งเสียงขานรับในลำคอเบาๆ ก่อนจะใช้มือลูบผมที่โดนลมพัดจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

 

 

“หึ! ยังไร้มนุษย์สัมพันธ์เหมือนเดิมเลยนะ แล้วเป็นไงล่ะ ได้ตัวแสบนายมามั้ย” ฮิโซกะพูดยิ้มๆ

 

 

“นอนหลับอยู่บนเรือบินโน่นแน่ะ คงโดนฉันทำโทษจนหมดแรงน่ะแหละ” อิรุมิบุ้ยปากไปทางเรือบินที่ดับเครื่องแล้ว

 

 

“แล้วคนของนายล่ะ เป็นไง”

 

 

“รายนั้นยังไม่ตื่นหรอก โดนฉันเล่นไปหลายยกเหมือนกัน” ฮิโซกะตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

 

“ว่าแต่นายเถอะ อย่าเล่นคนของนายจนถึงตายแล้วกัน เดี๋ยวคนของฉันจะเสียใจเอา”

 

 

“หึ! ฉันไม่เล่นถึงตายหรอกน่า ยังไงนั่นก็น้องฉัน แต่ก็แค่ต้องสั่งสอนให้รู้จักหลาบจำซักหน่อย จะได้ไม่คิดหนีไปอีก ฉันขี้เกียจตาม” อิรุมิถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

 

 

“ปากก็บอกว่าขี้เกียจ แต่ฉันก็เห็นนายตามหาทุกที” ฮิโซกะหลุดขำเมื่อเห็นใบหน้าของอิรุมิขึ้นสีแดงจางๆ

 

 

“เอาเถอะน่า! ที่ฉันมาเนี่ยก็จะแวะมาบอกว่าฉันเจอคนของฉันแล้วแค่นั้นแหละ อ้อ…แล้วฉันก็จะกลับตระกูลโซลดิ๊กเลยนะ”

 

 

“จะกลับเลยงั้นเหรอ?” ฮิโซกะทำสีหน้าประหลาดใจ

 

 

“แปลกนะ ปกตินายไม่เคยกลับบ้านเร็วขนาดนี้นี่หน่า หรือว่าช่วงนี้นายไม่มีงาน?”

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น” อิรุมิส่ายหน้าเบาๆ

 

 

“ฉันตั้งใจว่าจะพาเจ้าตัวแสบไปขังไว้ที่บ้านน่ะ ต้องทำโทษจนกว่าจะเลิกคิดหนี”

 

 

“หืม… นายนี่…ก็ร้ายใช่ย่อยนะ” ฮิโซกะเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน

 

 

“ช่างฉันเถอะน่า!” อิรุมิกระแทกเสียงใส่อย่างหงุดหงิดที่ถูกรู้แกว

 

 

“เอาเถอะ งั้นเอาไว้ถ้าฉันมีงานอะไรให้นายทำแล้วจะติดต่อไปแล้วกันนะ” ฮิโซกะตบบ่าอิรุมิเบาๆ

 

 

“ถ้าเงินดีล่ะก็นะ” อิรุมิพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินกลับไปที่เรือบิน

 

 

“แล้วค่อยเจอกัน” อิรุมิหันมาตะโกนบอกฮิโซกะก่อนจะขึ้นเรือบินไป

 

 

ฮิโซกะโบกมือส่งลาให้จนเรือบินบินขึ้นไปบนฟ้าถึงลดมือลง

 

 

“เอาล่ะกลับไปดูคนของเราดีกว่า” ฮิโซกะพูดพึมพำเบาๆก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้าน เขาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าโทรศัพท์ของเขาที่เผลอวางไว้ข้างเตียง หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ฝ่ามือหนาก็ยื่นออกไปเหนือเครื่องโทรศัพท์ เขาใช้พลังเทคเจอร์พิสดารของตัวเองเปลี่ยนจากโทรศัพท์ให้กลายเป็นแจกันดอกไม้

 

 

“ทีนี้เราก็จะได้อยู่ด้วยกันสองคนตลอดไปแล้วนะกอน”

ฮิโซกะเหยียดยิ้ม ก่อนจะค่อยๆสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มและดึงตัวกอนเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

“เธอเป็นของฉันตลอดไปนะ กอน”

 

 

=========================