Title : It’s called jealousy
Fandom : Haikyuu!
Pairing : KageHina
Rate : PG
Note : ดูแมทซ์ที่คาราสึโนะซ้อมแข่งกับเนโกตะแล้วเกิดอาการคลั่งอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอยากให้คาเกยาม่าหึงฮินาตะเล็กๆ เอิ๊กกกกก อันที่จริงอยากลองแต่งอินุโอกะ x ฮินาตะอยู่เหมือนกัน ดูแล้วคู่นี้คงน่าจะฟ้าวววดี 5555 คงได้กลายเป็นคู่หูบ๊องๆบวมๆแน่เลยยย =v=
It’s called jealousy
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่….. ที่ทิ้งทิฐิและเริ่มปรับตัวให้เข้าหาคนอื่น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่…. ที่มักจะมองหาร่างเล็กนั่น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่…. ที่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเวลาเจ้านั่นไปคุยกับใครต่อใคร
และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่……… ที่รู้จักกับคำว่า “ตกหลุมรัก”
มันน่าจะเริ่มตั้งแต่ หลังจากการเล่นเร็วแบบประสานของเราประสบความสำเร็จ
ไม่ก็อาจจะเป็น ตั้งแต่ตอนได้แข่งวอลเล่ย์กันเป็นครั้งแรกเมื่อตอนมอต้น
หรือไม่ก็ ตอนที่เจ้านั่นบอกว่า ให้เชื่อใจ….
……………….จะเมื่อไหร่ก็ช่างมันเถอะ
ความเชื่อใจที่เจ้านั่นมอบให้…. ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกดีใจ และรู้จักกับคำว่า “ความสุข”
เวลามีคนเชื่อใจเรา…. ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้เองสินะ….
=====================
“โอ๊ะ ตัวเล็กชะมัด!”
“อย่ามาดูถูกกันนะ!”
“ฉันไม่ดูถูกหรอกน่า”
“จริงเหรอ!?”
“อื้ม จริงสิ”
บทสนทนาธรรมดาๆ ของฮินาตะกับเจ้าบล็อกเกอร์ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนเนโกมะ…. ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่บทสนทนาธรรมดาๆ แต่ทำไมมันถึงได้ น่าหงุดหงิดชะมัด!
“คาเกยาม่า โคฟเวอร์!” เสียงรุ่นพี่ซาวามูระกัปตันของชมรมดังขึ้นเรียกให้สติสัมปชัญญะกลับมาและสำนึกได้ว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ครับ!” ตอบรับเสียงดังฟังชัด สองขาก้าวพรวดไปด้านหน้า นิ้วมือสัมผัสกับความแข็งหากแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนนุ่มของลูกบอลเกลี้ยงกลม ปลายหางตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆวิ่งพาดผ่านพลางกระโดดทะยานขึ้นสูง
จังหวะนี้แหละ!
เสียงผัวะแรกดังขึ้นจากร่างเล็กที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนเสียงผัวะที่สองจะตามมาติดๆเมื่อลูกบอลกระแทกลงกับพื้นขัดมันฝั่งตรงข้าม
หนึ่งคะแนนเป็นของคาราสึโนะ….
“โอ้ว โชวโยว สุดยอดเลย!”
“แหะๆ” คนตัวเล็กหัวเราะน้อยๆพลางเกาหลังคอแก้เขิน
หงุดหงิด….
“คาเกยาม่า!”
แว่วเสียงเรียกหลายครั้งหลายหนจากรุ่นพี่ในทีมคนอื่นๆ แม้ร่างกายจะขยับอัตโนมัติ เมื่อเห็นลูกบอลเคลื่อนที่ ปลายนิ้วชื้นเหงื่อเซ็ตลูกอย่างแม่นยำ และป้องกันได้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
แต่ทำไม…. ความหงุดหงิดนี้ มันไม่ยอมจางหายไป…
การเล่นเร็วแบบประสาน ใช้ไม่ได้อีกต่อไป….
เมื่อไอ้หมอนั่นจับทางฮินาตะได้
แม้เจ้าตัวเล็กนั่นจะหาทางพลิกแพลงและโต้ตอบกลับจนทำคะแนนได้
แต่มันก็ยังไม่พอ……
เพราะสุดท้ายแล้วคาราสึโนะก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้……
ทั้งๆที่ควรจะเจ็บใจ และคับแค้น
แต่เจ้าตัวเล็กนั่น กลับร้องขอให้เล่นอีกครั้ง
ในดวงตานั้นเจิดจ้า ไร้ความลังเล
เราแข่งกันอีกครั้ง…..
อีกครั้ง……
และอีกครั้ง……
สุดท้ายแล้วคาราสึโนะ ก็ไม่อาจเอาชนะได้แม้แต่แมตซ์เดียว…….
ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ ทั้งสองโรงเรียนได้ช่วยกันทำความสะอาดโรงยิมและเก็บอุปกรณ์กันอย่างขะมักเขม้น
“สุดยอดไปเลยนะโชวโยว ตอนที่นาย อร๊ากก นั่นน่ะ… อ๊ะ! ฉันอินุโอกะ อยู่ปี 1”
“นายก็เหมือนกันนะ ทั้งที่ตัวใหญ่แท้ๆ แต่กลับ ฟ้าว เปรี้ยง เลยนะ”
“ตอนที่นาย อร๊ากกก เนี่ยก็เหมือนกันนะ”
“ฉันชอบตอนที่นาย ปุ้ง ด้วยนะ”
หงุดหงิด
หงุดหงิดดด!!
มือกร้านยกขึ้นแนบอกตัวเองเอาไว้เพื่อระงับอารมณ์ เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมขึ้นมาตามไรผมก่อนกลิ้งตามโครงหน้ามายังปลายคางและหยดแหมะลงพื้น
สายตาเรียวคมจ้องมองไปยังร่างเล็กที่คุยจ้อเสียงสดใสกับมิดเดิ้ลบล็อกฝ่ายตรงข้าม
ใบหน้ายิ้มแย้มเวลาคุยนั่นมันอะไร…..
ทำไมนายถึงยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้นให้กับคนอื่นล่ะ…. ฮินาตะ
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดแสงทอประกายทาบทับร่างของบรรดาเด็กหนุ่มในชุดวอร์มประจำโรงเรียนสีแดงขาวจนเกินเป็นสีดำทอดยาวลงบนพื้น
“แล้วเจอกันใหม่นะโชวโยว นายเมมเบอร์กับอีเมลล์ฉันไว้แล้วใช่มั้ย”
“อื้อ เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วมาเล่นด้วยกันอีกนะ อินุโอกะ!”
มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ สายตาทอดมองแผ่นหลังนักกีฬาจากโรงเรียนเนโกมะที่ค่อยๆหายลับไปกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง ปลายหางตาเหลือบมองคนข้างตัวที่โบกมือส่งฝ่ายตรงข้ามโหยงๆ
“ฮินาตะ” พยายามสกัดกลั้นอารมณ์เอาไว้และส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเรียบๆ
“หืม?” ร่างนั้นลดมือที่โบกค้างอยู่ลงพลางหันกลับมามอง
“…….หากว่านี่เป็นการแข่งจริง เราคงตกรอบไปแล้ว”
“….อืม ฉันรู้” เสียงนั้นตอบรับหงอยๆ พร้อมๆกับเสียงโค้ชอุไคที่เรียกให้ไปรวมตัวดังขึ้นแทรก
การแข่งขันก็จบลงไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไม…..ความหงุดหงิดนี้มันไม่หายไปล่ะ?
“คาเกยาม่า? เป็นอะไรไป โค้ชเรียกรวมแน่ะ” ตากลมโตนั่นหันกลับมาจ้องพลางเอียงคอน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู
“อืม กำลังจะไปแล้ว”
เจ้าตัวเล็กนั่น…. มักจะดึงดูดผู้คนให้เข้าใกล้อยู่เสมอ
และรอยยิ้มสดใสนั่นก็มักจะถูกแจกจ่ายไปให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง……
หงุดหงิดที่หมอนั่นยิ้มให้คนอื่น…..
หงุดหงิดที่หมอนั่นยอมให้คนอื่นเรียกชื่อจริง…..
หงุดหงิดที่หมอนั่นยอมให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว…..
หงุดหงิด….. หงุดหงิด…..
นั่น…. คือสิ่งที่ผู้คนเรียกกันว่า “ความหึงหวง”
แต่ก่อนทีเขาจะทันได้ตระหนักเรื่องนั้น…..
เขาก็กลับทำเรื่องที่โหดร้ายลงไป……..
=====================
เราเจอกันครั้งแรกในฐานะคู่แข่ง
ร่างเล็ก กับพลังในการกระโดดนั่น
ดูก็รู้ว่าเป็นพรสวรรค์……
ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น….. แล้วทำไม…..
“นายไปมัวทำอะไรอยู่ตั้งสามปี!”
อดไม่ได้ที่จะตะโกนต่อว่าอีกฝ่ายข้ามเน็ตอย่างหงุดหงิด
ร่างเล็กนั่นดูสะดุ้งตกใจกับคำถามที่คนถามไม่ได้ต้องการคำตอบ ก่อนจะก้มหน้านิ่ง
“ฉันเองก็ใช่ว่า………”
ยังไม่ทันจับใจความประโยคที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย เสียงนกหวีดกรรมการก็เป่าขึ้นเพื่อให้เริ่มการแข่งขันต่อ
โรงเรียนคิตากาวะไดอิจิชนะไปอย่างขาดลอย
“ฉะ…ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้วเอาชนะนายให้ได้…..ฮึก….”
อาทิตย์ยามเย็นสาดแสงสีส้มไปยังใบหน้าเรียว เส้นผมและดวงตาสีส้มที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาทอเป็นประกายเรืองรองราวกับอัญมณี
นั่นคือความทรงจำแรกเกี่ยวกับอีกฝ่ายของเขา…..
………………………………….
เราเจอกันอีกครั้งในโรงยิมของโรงเรียนคาราสึโนะ
ขณะถือวิสาสะเข้ามาหยิบฉวยลูกวอลเล่ย์ พลางซ้อมตบข้ามเน็ตซึ่งถูกติดตั้งไว้ไปเรื่อยเพื่อรอส่งใบสมัครเข้าชมรม
เสียงเปิดประตูโรงยิมดังขึ้นเรียกให้หันกลับไปมอง
“อ๊ะ! คาเกยาม่า!! ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ!?”
เสียงอันคุ้นเคย เทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าที่เคยปรากฏอยู่ในความทรงจำตั้งแต่การแข่งขันระดับมอต้นนั้นสิ้นสุดลง ซึ่งบัดนี้กลับมาปรากฏอย่างเด่นชัดตรงหน้า จนมองเห็นแม้แต่นัยน์ตากลมโตที่ไหวระริกราวกับลูกกวาง
“อะ…นายอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่เราเคยแข่งด้วยกันตอนมอต้น”
เสียงนั่นเอ่ยขึ้นอีกครั้งขณะร่างเล็กเคลื่อนกายมาหยุดยืนต่อหน้า
“ฉันจำได้…..”
ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้……
และนั่นคือการพบกันครั้งที่สองของเรา ระหว่างตัวเขา และ ฮินาตะ โชวโยว….
พวกเราทะเลาะกันหลายครั้งหลายหน…..
ฮินาตะ มุทะลุ และขาดความรอบคอบ
หากแต่ ยามที่เจ้าตัวทะยานเหนือเน็ตนั้นดูสว่างเจิดจ้าเช่นเดียวกับชื่อเจ้าตัว
ฮินาตะ โชวโยว….. ทะยานและเจิดจ้าไปสู่แสงอาทิตย์
ชอบเวลาคนร่างเล็กนั่นตบลูกที่เซ็ตขึ้นไปให้
ร่างและมือเล็กนั่นมีแรงส่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
หลายครั้งหลายหน ที่เผลอมองตามภาพนั้น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากเก็บภาพนั้นไว้เพียงคนเดียว……
ความรู้สึกนั้นมันเพิ่มขึ้นทุกที…. ทวีคูณทุกครั้งที่ได้เจอหน้า
ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน…. ทำอะไรกับใคร….
เขายิ้มให้ใคร เขาพูดคุยกับใคร….
วันนี้เขากินอะไร เขาทำอะไรก่อนนอน….
อยากรู้……
อยากรู้ทุกเรื่องของเขา…..!
ไม่รู้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยื่นคำขาดให้อีกฝ่ายต้องรายงานทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร….
อีกฝ่ายต้องมารายงานทุกเรื่อง…..
ฮินาตะปฏิเสธไม่ได้…..
ไม่สิ…. ฮินาตะไม่สามารถปฏิเสธได้ต่างหาก
ตราบใดที่อีกฝ่ายต้องการลูกเซ็ตจากเขา….
อีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธได้!
ไม่มีทาง!
และไม่มีวัน!
จนกระทั่งวันนั้นที่ได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป…. แมตซ์ซ้อมแข่งกับโรงเรียนเนโกมะ
การเล่นประสานของเราสมบูรณ์แบบ
ทว่ามันไม่มากพอที่จะถล่มหมอนั่น…. อินุโอกะ….
ทำไมหมอนั่นถึงเรียกฮินาตะว่าโชวโยว….
แล้วทำไมนายถึงยอมให้มันเรียก!
คาราสึโนะแพ้เนโกมะอย่างราบคาบ
เซ็ตเตอร์ฝ่ายตรงข้ามมีฝีมือที่น่ากลัว
บวกกับทีมที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
การเอาชนะจึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ
พวกเราเองก็ทำเต็มที่แล้ว………
จริงเหรอ…..?
ไม่ใช่เพราะเขามัวแต่หงุดหงิดอยู่กับการแข่ง
ทำให้ส่งลูกให้ฮินาตะพลาดไปตั้งหลายครั้งหรอกเหรอ
ส่งลูกพลาด?
ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกใช่มั้ย….?
ก็ในเมื่อเขาจงใจส่งลูกพลาดเองนี่
สายตาที่มิดเดิ้ลบล็อกฝั่งตรงข้ามมองฮินาตะอย่างชื่นชม
ดวงตาเป็นประกายวาวอย่างสนใจยามเห็นทวงท่าการตบลูกและพลังกระโดดของฮินาตะ
สายตานั่น…..ทำไมเขาจะไม่เห็น!
แค่จงใจส่งลูกให้ช้าลง เบี่ยงองศาเล็กน้อย เท่านี้ฮินาตะก็ไม่อาจแสดงความสามารถได้อย่างสมบูรณ์
ความสามารถของฮินาตะน่ะ เขาเป็นคนดึงมันออกมา แล้วทำไมเขาถึงจะทำลายมันไม่ได้!
ฮินาตะ….. เป็นของเขาเท่านั้น
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์!
หลังจบการแข่ง……
ไอ้หมอนั่นแลกเบอร์และอีเมลล์กับฮินาตะ…..
ทำไมนายถึงยอมให้ไปได้ง่ายๆ ฮินาตะ!
“เรียกฉันมาที่นี่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เสียงที่เคยสดใสถามอย่างงุนงงเมื่อพาเจ้าตัวมายังหลังโรงเรียนหลังจากโค้ชเรียกประชุมเสร็จสิ้น
ท้องฟ้าที่สาดแสงสีส้มสลัวจนถึงเมื่อกี้ มืดสนิทจนเห็นเพียงดวงดาวที่ทอประกายอยู่บนฟากฟ้า
ไฟทางสีเหลืองนวลสาดส่องมาจากทางด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าขาวนวลเนียนอย่างชัดเจน
“คาเกยาม่า?” ร่างเล็กนั่นหรี่ตาลงก่อนจะส่งคำถาม “ทำไมนายยิ้มแบบนั้นล่ะ? น่าขนลุกชะมัด”
“ฉัน….ยิ้มเหรอ?” เสียงที่ตอบกลับไปเจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดที่ส่งออกมาจากลำคอ นี่เขากำลังหัวเราะอะไร?
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าบ้า…. แสยะยิ้มแปลกๆอย่างกับฆาตกรโรคจิต”
คาเกยาม่ายกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองอย่างชั่งใจ…..
มุมปากที่กระดกขึ้นเล็กๆนั่นเป็นหลักฐานได้ดีว่า เขายิ้มอยู่จริงๆ
นิ้วเรียวยาวยื่นไปลูบกลีบปากนุ่มของคนที่อยู่ตรงหน้า
ดวงตากลมโตสีส้มเบิกโพลงและฉายแววระริกอย่างตกใจ
คาเกยาม่าค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าเชื่องช้า ดวงตาสีดำสนิทสะกดคนตรงหน้า และดันร่างนั้นให้ชิดกำแพงที่อยู่ด้านหลัง
แขนที่ว่างอีกข้างยกขึ้นเท้ากับผนังเย็นเฉียบ กักร่างเล็กนี้ไม่ให้ขยับไปไหน…..
“….นายจะทำ…อะไร….” น้ำเสียงนั่นติดขัดอย่างสับสน เขาโน้มตัวลงประทับกลีบปากนุ่มแทนคำตอบ
เสียงอู้อี้ที่ดังจากคนร่างเล็กไม่ทำให้หงุดหงิดใจเท่าเสียงสั่นครืดของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย
เขาผละริมฝีปากออกมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุ่นง่านใจ
เจ้าตัวเล็กใบหน้าแดงเถือก มือหนึ่งยกขึ้นตะปบริมฝีปากชื้นนุ่มของตัวเองเอาไว้
อีกมือหนึ่งรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตะลีตะลาน
“….ฮะ…ฮัลโหล” เสียงนั่นติดจะหอบสั่นเล็กน้อย เรียกให้คาเกยาม่าแย้มรอยยิ้ม หากแต่คำพูดต่อมาแทบทำให้อยากจะคว้าโทรศัพท์นั่นมาขว้างทิ้ง
“อ๊ะ….อินุโอกะเหรอ?”
ชื่อนั้นที่ทำให้หงุดหงิดตลอดทั้งเกมการแข่งขัน
ชื่อของคนๆนั้นที่เรียกฮินาตะของเขาด้วยชื่อจริง
และไอ้คนชื่อนั้นกำลังคุยกับฮินาตะ!
…หมับ….
“เอ๊ะ?” คนร่างเล็กส่งสีหน้าประหลาดใจ
คาเกยาม่าไม่ได้ตอบอะไรแต่คว้าโทรศัพท์ในมือเล็กนั่นมาถือไว้ นิ้วเรียวกดวางสายอย่างถือวิสาสะ โยนโทรศัพท์เครื่องนั้นเข้าไปในพงหญ้าอย่างแรงจนเกือบเป็นเหวี่ยง
“…จะทำอะ….อื้อ!”
ไม่รอให้เจ้าตัวพูดจบ เขาก็ฉกริมฝีปากนั่นอีกครั้ง ปากเล็กที่ยังคงอ้าค้างเพราะคำพูดที่ตั้งใจจะพูดไม่ถูกส่งออกมาถูกลิ้นสอดรุกไล้เข้าไป ร่างเล็กนั่นชะงักเกร็งและพยายามจะขืนตัวออก ทว่า เขารัดตรึงร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแรงกว่า พลางใช้มือหนึ่งกดหลังคอของอีกฝ่ายเอาไว้
นิ้วยาวสอดไล้เข้าไปในเสื้อวอร์มของอีกฝ่าย มือหนาลูบไล้แผ่นอกผ่านเนื้อผ้าของเสื้อยืดสีขาว…..
น้ำลายที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครถูกดูดกลืนและแลกเปลี่ยนกันอย่างนัวเนีย
จนกระทั่งถอนริมฝีปากออกมา คราบน้ำลายที่ไหลเป็นทางจรดปลายคางของคนตรงหน้า พร้อมด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา มันช่าง…………….
เร้าอารมณ์จริงๆ
“ยะ….อย่า….คาเกยาม่า….ไม่เอา….” เสียงแหบพร่านั้นสั่นเครืออย่างน่าสงสาร หากแต่ตอนนี้เขาไม่อาจจะหยุดตัวเองได้อีกแล้ว…..
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน…..
หนึ่ง? สองชั่วโมง? หรืออาจจะมากกว่านั้น….
ร่างปวกเปียกที่ทาบทับอยู่ในอ้อมแขนนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ
หมดสติไปแล้ว…..
คาเกยาม่าก้มมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างนึกเอ็นดู พลางเกลี่ยเส้นผมเปียกชุ่มที่ปรกหน้าผากออกไปทัดหูให้
ปลายหางตาเห็นแสงวาววับของโทรศัพท์คนร่างเล็กที่โยนทิ้งไปอยู่ตรงโพรงหญ้าสั่นครืดไม่ขาดสาย….
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์….
งั้นคงไม่มีปัญหา หากจะพาร่างของคนในอ้อมกอดนี่ไปกักขังไว้ที่ไหนสักแห่งสักสองคืน….
เขายิ้มกับตัวเอง……
ยิ้มเหรอ?……..
อา…..ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ว่ารอยยิ้มนี่มันคือ……
“ความพึงพอใจ”
=========END============
จบมันดื้อๆอย่างนี้แล 55555
ไม่แน่อาจจะมีภาคต่อ ถ้าเกิดเรามีไฟ กร๊ากกก
จริงๆอยากเขียนต่อนะ แต่ตอนนี้กำลังตัน คิดไม่ออกกกก
เราว่าจบแบบนี้ก็จิตดีไปอีกแบบนะ เอิ๊กกกกกก
คาเกยาม่าอย่างโรคจิตตตต โฮกกกกมาก =///=