[HG][KageHina] It’s called jealousy

Title : It’s called jealousy

Fandom : Haikyuu!

Pairing : KageHina

Rate : PG

Note : ดูแมทซ์ที่คาราสึโนะซ้อมแข่งกับเนโกตะแล้วเกิดอาการคลั่งอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอยากให้คาเกยาม่าหึงฮินาตะเล็กๆ เอิ๊กกกกก อันที่จริงอยากลองแต่งอินุโอกะ x ฮินาตะอยู่เหมือนกัน ดูแล้วคู่นี้คงน่าจะฟ้าวววดี 5555 คงได้กลายเป็นคู่หูบ๊องๆบวมๆแน่เลยยย =v=

 

 

 

It’s called jealousy

 

 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่….. ที่ทิ้งทิฐิและเริ่มปรับตัวให้เข้าหาคนอื่น

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่…. ที่มักจะมองหาร่างเล็กนั่น

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่…. ที่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเวลาเจ้านั่นไปคุยกับใครต่อใคร

และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่……… ที่รู้จักกับคำว่า “ตกหลุมรัก”

มันน่าจะเริ่มตั้งแต่ หลังจากการเล่นเร็วแบบประสานของเราประสบความสำเร็จ

ไม่ก็อาจจะเป็น ตั้งแต่ตอนได้แข่งวอลเล่ย์กันเป็นครั้งแรกเมื่อตอนมอต้น

หรือไม่ก็ ตอนที่เจ้านั่นบอกว่า ให้เชื่อใจ….

 

 

……………….จะเมื่อไหร่ก็ช่างมันเถอะ

 

 

ความเชื่อใจที่เจ้านั่นมอบให้…. ตั้งแต่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้รู้สึกดีใจ และรู้จักกับคำว่า “ความสุข”

เวลามีคนเชื่อใจเรา…. ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้เองสินะ….

 

 

 

=====================

 

 

 

 

“โอ๊ะ ตัวเล็กชะมัด!”

 

“อย่ามาดูถูกกันนะ!”

 

“ฉันไม่ดูถูกหรอกน่า”

 

 

“จริงเหรอ!?”

 

“อื้ม จริงสิ”

 

 

บทสนทนาธรรมดาๆ ของฮินาตะกับเจ้าบล็อกเกอร์ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนเนโกมะ…. ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่บทสนทนาธรรมดาๆ แต่ทำไมมันถึงได้ น่าหงุดหงิดชะมัด!

 

“คาเกยาม่า โคฟเวอร์!” เสียงรุ่นพี่ซาวามูระกัปตันของชมรมดังขึ้นเรียกให้สติสัมปชัญญะกลับมาและสำนึกได้ว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

“ครับ!” ตอบรับเสียงดังฟังชัด สองขาก้าวพรวดไปด้านหน้า นิ้วมือสัมผัสกับความแข็งหากแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนนุ่มของลูกบอลเกลี้ยงกลม ปลายหางตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆวิ่งพาดผ่านพลางกระโดดทะยานขึ้นสูง

 

 

 

จังหวะนี้แหละ!

 

 

 

เสียงผัวะแรกดังขึ้นจากร่างเล็กที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนเสียงผัวะที่สองจะตามมาติดๆเมื่อลูกบอลกระแทกลงกับพื้นขัดมันฝั่งตรงข้าม

หนึ่งคะแนนเป็นของคาราสึโนะ….

 

“โอ้ว โชวโยว สุดยอดเลย!”

 

“แหะๆ” คนตัวเล็กหัวเราะน้อยๆพลางเกาหลังคอแก้เขิน

 

 

 

หงุดหงิด….

 

 

“คาเกยาม่า!”

 

แว่วเสียงเรียกหลายครั้งหลายหนจากรุ่นพี่ในทีมคนอื่นๆ แม้ร่างกายจะขยับอัตโนมัติ เมื่อเห็นลูกบอลเคลื่อนที่ ปลายนิ้วชื้นเหงื่อเซ็ตลูกอย่างแม่นยำ และป้องกันได้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

 

 

แต่ทำไม…. ความหงุดหงิดนี้ มันไม่ยอมจางหายไป…

 

 

การเล่นเร็วแบบประสาน ใช้ไม่ได้อีกต่อไป….

เมื่อไอ้หมอนั่นจับทางฮินาตะได้

แม้เจ้าตัวเล็กนั่นจะหาทางพลิกแพลงและโต้ตอบกลับจนทำคะแนนได้

แต่มันก็ยังไม่พอ……

 

 

เพราะสุดท้ายแล้วคาราสึโนะก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้……

 

 

ทั้งๆที่ควรจะเจ็บใจ และคับแค้น

แต่เจ้าตัวเล็กนั่น กลับร้องขอให้เล่นอีกครั้ง

ในดวงตานั้นเจิดจ้า ไร้ความลังเล

 

 

เราแข่งกันอีกครั้ง…..

อีกครั้ง……

และอีกครั้ง……

 

 

สุดท้ายแล้วคาราสึโนะ ก็ไม่อาจเอาชนะได้แม้แต่แมตซ์เดียว…….

 

 

ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ ทั้งสองโรงเรียนได้ช่วยกันทำความสะอาดโรงยิมและเก็บอุปกรณ์กันอย่างขะมักเขม้น

 

 

 

“สุดยอดไปเลยนะโชวโยว ตอนที่นาย อร๊ากก นั่นน่ะ… อ๊ะ! ฉันอินุโอกะ อยู่ปี 1”

 

“นายก็เหมือนกันนะ ทั้งที่ตัวใหญ่แท้ๆ แต่กลับ ฟ้าว เปรี้ยง เลยนะ”

 

“ตอนที่นาย อร๊ากกก เนี่ยก็เหมือนกันนะ”

 

“ฉันชอบตอนที่นาย ปุ้ง ด้วยนะ”

 

 

 

 

หงุดหงิด

หงุดหงิดดด!!

 

 

 

มือกร้านยกขึ้นแนบอกตัวเองเอาไว้เพื่อระงับอารมณ์ เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมขึ้นมาตามไรผมก่อนกลิ้งตามโครงหน้ามายังปลายคางและหยดแหมะลงพื้น

 

สายตาเรียวคมจ้องมองไปยังร่างเล็กที่คุยจ้อเสียงสดใสกับมิดเดิ้ลบล็อกฝ่ายตรงข้าม

 

ใบหน้ายิ้มแย้มเวลาคุยนั่นมันอะไร…..

 

ทำไมนายถึงยิ้มอย่างมีความสุขแบบนั้นให้กับคนอื่นล่ะ…. ฮินาตะ

 

แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดแสงทอประกายทาบทับร่างของบรรดาเด็กหนุ่มในชุดวอร์มประจำโรงเรียนสีแดงขาวจนเกินเป็นสีดำทอดยาวลงบนพื้น

 

 

“แล้วเจอกันใหม่นะโชวโยว นายเมมเบอร์กับอีเมลล์ฉันไว้แล้วใช่มั้ย”

 

“อื้อ เรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วมาเล่นด้วยกันอีกนะ อินุโอกะ!”

 

 

มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นจนเล็บแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อ สายตาทอดมองแผ่นหลังนักกีฬาจากโรงเรียนเนโกมะที่ค่อยๆหายลับไปกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง ปลายหางตาเหลือบมองคนข้างตัวที่โบกมือส่งฝ่ายตรงข้ามโหยงๆ

 

 

“ฮินาตะ” พยายามสกัดกลั้นอารมณ์เอาไว้และส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายเรียบๆ

 

“หืม?” ร่างนั้นลดมือที่โบกค้างอยู่ลงพลางหันกลับมามอง

 

“…….หากว่านี่เป็นการแข่งจริง เราคงตกรอบไปแล้ว”

 

“….อืม ฉันรู้” เสียงนั้นตอบรับหงอยๆ พร้อมๆกับเสียงโค้ชอุไคที่เรียกให้ไปรวมตัวดังขึ้นแทรก

 

การแข่งขันก็จบลงไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไม…..ความหงุดหงิดนี้มันไม่หายไปล่ะ?

 

“คาเกยาม่า? เป็นอะไรไป โค้ชเรียกรวมแน่ะ” ตากลมโตนั่นหันกลับมาจ้องพลางเอียงคอน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู

 

“อืม กำลังจะไปแล้ว”

 

เจ้าตัวเล็กนั่น…. มักจะดึงดูดผู้คนให้เข้าใกล้อยู่เสมอ

 

และรอยยิ้มสดใสนั่นก็มักจะถูกแจกจ่ายไปให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง……

หงุดหงิดที่หมอนั่นยิ้มให้คนอื่น…..

หงุดหงิดที่หมอนั่นยอมให้คนอื่นเรียกชื่อจริง…..

หงุดหงิดที่หมอนั่นยอมให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัว…..

 

 

หงุดหงิด….. หงุดหงิด…..

 

 

 

 

นั่น…. คือสิ่งที่ผู้คนเรียกกันว่า “ความหึงหวง”

 

 

 

 

 

แต่ก่อนทีเขาจะทันได้ตระหนักเรื่องนั้น…..

 

 

 

 

 

เขาก็กลับทำเรื่องที่โหดร้ายลงไป……..

 

 

 

 

 

 ===================== 

 

 

 

 

 

เราเจอกันครั้งแรกในฐานะคู่แข่ง

ร่างเล็ก กับพลังในการกระโดดนั่น

ดูก็รู้ว่าเป็นพรสวรรค์……

 

 

 

ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น….. แล้วทำไม…..

 

 

 

“นายไปมัวทำอะไรอยู่ตั้งสามปี!”

 

อดไม่ได้ที่จะตะโกนต่อว่าอีกฝ่ายข้ามเน็ตอย่างหงุดหงิด

 

ร่างเล็กนั่นดูสะดุ้งตกใจกับคำถามที่คนถามไม่ได้ต้องการคำตอบ ก่อนจะก้มหน้านิ่ง

 

“ฉันเองก็ใช่ว่า………”

 

ยังไม่ทันจับใจความประโยคที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย เสียงนกหวีดกรรมการก็เป่าขึ้นเพื่อให้เริ่มการแข่งขันต่อ

 

โรงเรียนคิตากาวะไดอิจิชนะไปอย่างขาดลอย

 

“ฉะ…ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้วเอาชนะนายให้ได้…..ฮึก….”

 

 

 

อาทิตย์ยามเย็นสาดแสงสีส้มไปยังใบหน้าเรียว เส้นผมและดวงตาสีส้มที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาทอเป็นประกายเรืองรองราวกับอัญมณี

นั่นคือความทรงจำแรกเกี่ยวกับอีกฝ่ายของเขา…..

 

 

 

………………………………….

 

 

เราเจอกันอีกครั้งในโรงยิมของโรงเรียนคาราสึโนะ

 

ขณะถือวิสาสะเข้ามาหยิบฉวยลูกวอลเล่ย์ พลางซ้อมตบข้ามเน็ตซึ่งถูกติดตั้งไว้ไปเรื่อยเพื่อรอส่งใบสมัครเข้าชมรม

 

เสียงเปิดประตูโรงยิมดังขึ้นเรียกให้หันกลับไปมอง

 

 

 

“อ๊ะ! คาเกยาม่า!! ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ!?”

 

เสียงอันคุ้นเคย เทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าที่เคยปรากฏอยู่ในความทรงจำตั้งแต่การแข่งขันระดับมอต้นนั้นสิ้นสุดลง ซึ่งบัดนี้กลับมาปรากฏอย่างเด่นชัดตรงหน้า จนมองเห็นแม้แต่นัยน์ตากลมโตที่ไหวระริกราวกับลูกกวาง

 

“อะ…นายอาจจะจำฉันไม่ได้ แต่เราเคยแข่งด้วยกันตอนมอต้น”

 

เสียงนั่นเอ่ยขึ้นอีกครั้งขณะร่างเล็กเคลื่อนกายมาหยุดยืนต่อหน้า

 

“ฉันจำได้…..”

 

ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้……

 

 

 

และนั่นคือการพบกันครั้งที่สองของเรา ระหว่างตัวเขา และ ฮินาตะ โชวโยว….

 

 

พวกเราทะเลาะกันหลายครั้งหลายหน…..

 

ฮินาตะ มุทะลุ และขาดความรอบคอบ

 

หากแต่ ยามที่เจ้าตัวทะยานเหนือเน็ตนั้นดูสว่างเจิดจ้าเช่นเดียวกับชื่อเจ้าตัว

 

ฮินาตะ โชวโยว….. ทะยานและเจิดจ้าไปสู่แสงอาทิตย์

 

ชอบเวลาคนร่างเล็กนั่นตบลูกที่เซ็ตขึ้นไปให้

 

ร่างและมือเล็กนั่นมีแรงส่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

 

หลายครั้งหลายหน ที่เผลอมองตามภาพนั้น

 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากเก็บภาพนั้นไว้เพียงคนเดียว……

 

 

 

ความรู้สึกนั้นมันเพิ่มขึ้นทุกที…. ทวีคูณทุกครั้งที่ได้เจอหน้า

 

ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน…. ทำอะไรกับใคร….

 

เขายิ้มให้ใคร เขาพูดคุยกับใคร….

 

วันนี้เขากินอะไร เขาทำอะไรก่อนนอน….

 

 

อยากรู้……

 

 

อยากรู้ทุกเรื่องของเขา…..!

 

 

ไม่รู้มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยื่นคำขาดให้อีกฝ่ายต้องรายงานทุกเรื่อง

 

 

ไม่ว่าจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร….

 

 

อีกฝ่ายต้องมารายงานทุกเรื่อง…..

 

 

ฮินาตะปฏิเสธไม่ได้…..

 

 

ไม่สิ…. ฮินาตะไม่สามารถปฏิเสธได้ต่างหาก

 

 

ตราบใดที่อีกฝ่ายต้องการลูกเซ็ตจากเขา….

 

 

อีกฝ่ายจะไม่มีทางปฏิเสธได้!

 

 

ไม่มีทาง!

 

 

และไม่มีวัน!

 

 

 

 

จนกระทั่งวันนั้นที่ได้ทำเรื่องเลวร้ายลงไป…. แมตซ์ซ้อมแข่งกับโรงเรียนเนโกมะ

 

 

การเล่นประสานของเราสมบูรณ์แบบ

 

 

ทว่ามันไม่มากพอที่จะถล่มหมอนั่น…. อินุโอกะ….

 

 

ทำไมหมอนั่นถึงเรียกฮินาตะว่าโชวโยว….

 

 

แล้วทำไมนายถึงยอมให้มันเรียก!

 

 

คาราสึโนะแพ้เนโกมะอย่างราบคาบ

 

 

เซ็ตเตอร์ฝ่ายตรงข้ามมีฝีมือที่น่ากลัว

 

 

บวกกับทีมที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน

 

 

การเอาชนะจึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ

 

 

พวกเราเองก็ทำเต็มที่แล้ว………

 

 

 

จริงเหรอ…..?

 

 

 

ไม่ใช่เพราะเขามัวแต่หงุดหงิดอยู่กับการแข่ง

 

 

ทำให้ส่งลูกให้ฮินาตะพลาดไปตั้งหลายครั้งหรอกเหรอ

 

 

 

 

ส่งลูกพลาด?

 

 

ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกใช่มั้ย….?

 

 

ก็ในเมื่อเขาจงใจส่งลูกพลาดเองนี่

 

 

สายตาที่มิดเดิ้ลบล็อกฝั่งตรงข้ามมองฮินาตะอย่างชื่นชม

 

 

ดวงตาเป็นประกายวาวอย่างสนใจยามเห็นทวงท่าการตบลูกและพลังกระโดดของฮินาตะ

 

 

สายตานั่น…..ทำไมเขาจะไม่เห็น!

 

 

แค่จงใจส่งลูกให้ช้าลง เบี่ยงองศาเล็กน้อย เท่านี้ฮินาตะก็ไม่อาจแสดงความสามารถได้อย่างสมบูรณ์

 

 

ความสามารถของฮินาตะน่ะ เขาเป็นคนดึงมันออกมา แล้วทำไมเขาถึงจะทำลายมันไม่ได้!

 

 

ฮินาตะ….. เป็นของเขาเท่านั้น

 

 

ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์!

 

 

หลังจบการแข่ง……

 

 

ไอ้หมอนั่นแลกเบอร์และอีเมลล์กับฮินาตะ…..

 

 

ทำไมนายถึงยอมให้ไปได้ง่ายๆ ฮินาตะ!

 

 

 

“เรียกฉันมาที่นี่มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”

 

 

เสียงที่เคยสดใสถามอย่างงุนงงเมื่อพาเจ้าตัวมายังหลังโรงเรียนหลังจากโค้ชเรียกประชุมเสร็จสิ้น

 

 

ท้องฟ้าที่สาดแสงสีส้มสลัวจนถึงเมื่อกี้ มืดสนิทจนเห็นเพียงดวงดาวที่ทอประกายอยู่บนฟากฟ้า

 

 

ไฟทางสีเหลืองนวลสาดส่องมาจากทางด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าขาวนวลเนียนอย่างชัดเจน

 

 

“คาเกยาม่า?” ร่างเล็กนั่นหรี่ตาลงก่อนจะส่งคำถาม “ทำไมนายยิ้มแบบนั้นล่ะ? น่าขนลุกชะมัด”

 

 

“ฉัน….ยิ้มเหรอ?” เสียงที่ตอบกลับไปเจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดที่ส่งออกมาจากลำคอ นี่เขากำลังหัวเราะอะไร?

 

 

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าบ้า…. แสยะยิ้มแปลกๆอย่างกับฆาตกรโรคจิต”

 

 

คาเกยาม่ายกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองอย่างชั่งใจ…..

 

 

มุมปากที่กระดกขึ้นเล็กๆนั่นเป็นหลักฐานได้ดีว่า เขายิ้มอยู่จริงๆ

 

 

นิ้วเรียวยาวยื่นไปลูบกลีบปากนุ่มของคนที่อยู่ตรงหน้า

 

 

ดวงตากลมโตสีส้มเบิกโพลงและฉายแววระริกอย่างตกใจ

 

 

คาเกยาม่าค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าเชื่องช้า ดวงตาสีดำสนิทสะกดคนตรงหน้า และดันร่างนั้นให้ชิดกำแพงที่อยู่ด้านหลัง

 

 

แขนที่ว่างอีกข้างยกขึ้นเท้ากับผนังเย็นเฉียบ กักร่างเล็กนี้ไม่ให้ขยับไปไหน…..

 

 

“….นายจะทำ…อะไร….” น้ำเสียงนั่นติดขัดอย่างสับสน เขาโน้มตัวลงประทับกลีบปากนุ่มแทนคำตอบ

 

เสียงอู้อี้ที่ดังจากคนร่างเล็กไม่ทำให้หงุดหงิดใจเท่าเสียงสั่นครืดของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย

 

เขาผละริมฝีปากออกมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างงุ่นง่านใจ

 

เจ้าตัวเล็กใบหน้าแดงเถือก มือหนึ่งยกขึ้นตะปบริมฝีปากชื้นนุ่มของตัวเองเอาไว้

 

อีกมือหนึ่งรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างตะลีตะลาน

 

 

 

 

“….ฮะ…ฮัลโหล” เสียงนั่นติดจะหอบสั่นเล็กน้อย เรียกให้คาเกยาม่าแย้มรอยยิ้ม หากแต่คำพูดต่อมาแทบทำให้อยากจะคว้าโทรศัพท์นั่นมาขว้างทิ้ง

 

 

“อ๊ะ….อินุโอกะเหรอ?”

 

 

ชื่อนั้นที่ทำให้หงุดหงิดตลอดทั้งเกมการแข่งขัน

 

ชื่อของคนๆนั้นที่เรียกฮินาตะของเขาด้วยชื่อจริง

 

และไอ้คนชื่อนั้นกำลังคุยกับฮินาตะ!

 

 

 

 

…หมับ….

 

 

 

 

“เอ๊ะ?” คนร่างเล็กส่งสีหน้าประหลาดใจ

 

คาเกยาม่าไม่ได้ตอบอะไรแต่คว้าโทรศัพท์ในมือเล็กนั่นมาถือไว้ นิ้วเรียวกดวางสายอย่างถือวิสาสะ โยนโทรศัพท์เครื่องนั้นเข้าไปในพงหญ้าอย่างแรงจนเกือบเป็นเหวี่ยง

 

 

 

 

“…จะทำอะ….อื้อ!”

 

 

 

ไม่รอให้เจ้าตัวพูดจบ เขาก็ฉกริมฝีปากนั่นอีกครั้ง ปากเล็กที่ยังคงอ้าค้างเพราะคำพูดที่ตั้งใจจะพูดไม่ถูกส่งออกมาถูกลิ้นสอดรุกไล้เข้าไป ร่างเล็กนั่นชะงักเกร็งและพยายามจะขืนตัวออก ทว่า เขารัดตรึงร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแรงกว่า พลางใช้มือหนึ่งกดหลังคอของอีกฝ่ายเอาไว้

 

 

นิ้วยาวสอดไล้เข้าไปในเสื้อวอร์มของอีกฝ่าย มือหนาลูบไล้แผ่นอกผ่านเนื้อผ้าของเสื้อยืดสีขาว…..

 

น้ำลายที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครถูกดูดกลืนและแลกเปลี่ยนกันอย่างนัวเนีย

 

จนกระทั่งถอนริมฝีปากออกมา คราบน้ำลายที่ไหลเป็นทางจรดปลายคางของคนตรงหน้า พร้อมด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำตา มันช่าง…………….

 

 

 

 

เร้าอารมณ์จริงๆ

 

 

 

 

“ยะ….อย่า….คาเกยาม่า….ไม่เอา….” เสียงแหบพร่านั้นสั่นเครืออย่างน่าสงสาร หากแต่ตอนนี้เขาไม่อาจจะหยุดตัวเองได้อีกแล้ว…..

 

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน…..

 

 

หนึ่ง? สองชั่วโมง? หรืออาจจะมากกว่านั้น….

 

 

 

 

ร่างปวกเปียกที่ทาบทับอยู่ในอ้อมแขนนั้นชื้นไปด้วยเหงื่อ

 

 

 

 

 

หมดสติไปแล้ว…..

 

 

 

คาเกยาม่าก้มมองร่างเล็กในอ้อมแขนอย่างนึกเอ็นดู พลางเกลี่ยเส้นผมเปียกชุ่มที่ปรกหน้าผากออกไปทัดหูให้

 

 

ปลายหางตาเห็นแสงวาววับของโทรศัพท์คนร่างเล็กที่โยนทิ้งไปอยู่ตรงโพรงหญ้าสั่นครืดไม่ขาดสาย….

 

 

พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์….

 

 

งั้นคงไม่มีปัญหา หากจะพาร่างของคนในอ้อมกอดนี่ไปกักขังไว้ที่ไหนสักแห่งสักสองคืน….

 

 

เขายิ้มกับตัวเอง……

 

 

ยิ้มเหรอ?……..

 

 

 

อา…..ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ว่ารอยยิ้มนี่มันคือ……

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ความพึงพอใจ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

=========END============

 

 
 

 

 

 

 

จบมันดื้อๆอย่างนี้แล 55555

ไม่แน่อาจจะมีภาคต่อ ถ้าเกิดเรามีไฟ กร๊ากกก

จริงๆอยากเขียนต่อนะ แต่ตอนนี้กำลังตัน คิดไม่ออกกกก

เราว่าจบแบบนี้ก็จิตดีไปอีกแบบนะ เอิ๊กกกกกก

คาเกยาม่าอย่างโรคจิตตตต โฮกกกกมาก  =///=