Title : กระดาษ
Rate : PG
Note : เป็นเรื่องที่แต่งเล่นๆค่ะ ไม่มีชื่อตัวละครหรืออะไรทั้งนั้น พอดีนึกถึงช่วงตอนเรียนม.ปลาย แล้วมักจะชอบมีเด็กปาเศษขยะใส่ถังขยะบ่อยๆ เลยเกิดอาการอยากเอาพล็อตนั้นมาใช้ขึ้นมาบ้าง 5555
—————————-
ชอบ….
คิ้วเรียวขมวดจนมุ่น พลางจ้องมองจดหมายที่เจ้าตัวเพิ่งได้รับมาเมื่อกี้นี้
จะเรียกว่าจดหมายก็คงไม่ถูกนัก น่าจะบอกว่า มันคือเศษกระดาษหนึ่งแผ่นมากกว่า เพราะกระดาษที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้มันทั้งยับยู่ยี่และเละเทะเต็มไปด้วยรอยรองเท้า ทว่า มีเพียงตัวอักษรสีดำคำว่า ‘ชอบ’ เท่านั้นที่เด่นชัดอยู่กลางกระดาษ
เขาเหลียวหลังกลับไปมองทางด้านหลังเพื่อหาตัวต้นเหตุที่ปากระดาษแผ่นนี้มาโดนเขา หากแต่ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อยู่เต็มโรงอาหารทำให้ระบุตัวคนทำยากนัก
‘ช่างมันเถอะ’ คิดในใจก่อนจะขยำกระดาษเป็นก้อนกลมๆ กระชับก้อนกระดาษเข้าฝ่ามือไว้จนแน่น หยีตาลงข้างหนึ่งเพื่อกะระยะ ก่อนจะขว้างไปสุดแรง กระดาษกลมก้อนน้อยๆพุ่งตรงไปยังเป้าหมายก่อนที่จะ….
“แปะ…โอ๊ะ!” ก้อนกระดาษที่น่าจะหล่นลงไปยังถังขยะกลับไปหยุดตรงจุดหมายตรงแผ่นหลังใครคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นค่อยๆหันมาช้าๆ ใบหน้าขาวฉายแววงุนงง ก่อนจะก้มลงหยิบก้อนกระดาษกลมๆที่หล่นอยู่ตรงพื้นขึ้นมาอ่าน
‘ซวยแล้ว’ ตัวต้นเหตุคิด เขารีบก้มหน้าเสหลบสายตาของอีกคนที่กำลังกวาดสายตามองหาคนปา มือเรียวรีบคว้าจานข้าวที่กินเหลือไว้ครึ่งหนึ่งมาถือไว้ ก่อนจะรีบเดินก้าวสวบๆเอาไปเก็บตรงที่เก็บจานทันที ตาเรียวแอบเหลียวกลับมามองพลันสายตาก็ประทะเข้ากับสายตาอีกคนที่มองมาพอดี
“ตายแหง” พึมพำเสียงเบา ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งแหวกผู้คนหนีออกมา ได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังตามหลังมาว่า ‘เดี๋ยวก่อน!’ ใครจะหยุดให้โง่วะ!?
“แฮ่กๆ” วิ่งมาจนถึงหลังอาคาร ร่างโปร่งยืนหอบพิงกำแพง ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมา
“นี่…” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัว เขาผงะก่อนจะรีบเด้งตัวออกห่าง ขาเรียวตั้งใจว่าจะเดินหนีถ้าไม่ติดที่ถูกฝ่ามือหนาจับเอาไว้จนแน่น!?
“มะ…มีอะไร” กลั้นใจถามเสียงสั่น เขาไม่คิดหรอกนะว่าแค่ก้อนกระดาษเล็กๆ จะทำให้เจ็บอะไรนักหนา แต่มันก็อาจจะไม่แน่สำหรับผู้ชายคนนี้ ที่โด่งดังเรื่องทะเลาะวิวาท และพร้อมจะหาเรื่องได้ทุกเวลา จนมีเรื่องเข้าห้องปกครองได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ นี่เขาไม่ได้กลัวหรอกนะ จริงๆ!?
“กระดาษนี่…” อีกฝ่ายชูมือที่ถือกระดาษขึ้น เขามองไปที่กระดาษก่อนจะกลั้นใจตอบ
“ขอโทษนะ ที่เราปาไปโดน เราไม่ได้ตั้งใจ เราจะปาลงถังขยะ” เขารีบรัวตอบอย่างไม่มีเวลาพักหายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น….” อีกฝ่ายบอก
เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามต่อ “อ้าว…แล้วนายตามเรามาทำไม”
“ก็กระดาษเนี่ย..” อีกฝ่ายเว้นช่วงไว้นิดหนึ่ง ริมฝีปากสีชมพูส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ของฉันเอง”
“ห้ะ!?” เขาอุทานออกมาอย่างงงๆ นิ้วเรียวชี้ไปที่ก้อนกระดาษที่อยู่ในมืออีกฝ่าย “ของนาย”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “ที่เรียกก็เพื่อจะมาบอกว่า ขอบคุณนะ”
“เอ่อ…ไม่เป็นไร งั้นช่วย…ปล่อยแขนเราก่อนได้มั้ย” เขาบอกเบาๆ อีกฝ่ายไม่ตอบหากแต่ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ซะจนเขาต้องย่นคอหนี
“แล้วไม่คิดจะถามเราเหรอ ว่าทำไมกับอีแค่กระดาษใบเดียวมันถึงสำคัญกับเรานัก” ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่ายสะท้อนกับแสงแดดจนเป็นประกายระยับ เขาเผลอจ้องมองดวงตานั้นโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เปลี่ยนเป็นตอบคำถามด้วยคำถามแทน
“เอ่อ..แล้วเพราะอะไรถึงสำคัญล่ะ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเริ่มตอบ
“เพราะ…”
“เพราะ?”
“เพราะกระดาษแผ่นนี้เป็น ‘ที่ระลึกครั้งแรก’ ที่ทำให้เราได้คุยกับนายน่ะสิ!” เมื่อพูดจบร่างสูงตรงหน้าก็โผเข้ากอดเขาอย่างเต็มแรง เขายืนตัวแข็งปล่อยให้อีกฝ่ายโอบกอดอยู่อย่างนั้น พลางคิดทบทวนเรื่องต่างๆในหัวอย่างมึนๆ
=============================
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับเมื่อมาส่งเขาถึงหน้าบ้าน เขาโบกมือไหวๆ ส่งให้จนแผ่นหลังของอีกฝ่ายลับหายไปในความมืด เขาถึงเดินเข้าบ้าน
เขานั่งลงบนเตียง ก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้หมอนแล้วหยิบเอาหนังสือเล่มหนามาถือเอาไว้ในมือ ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มน้อยๆ พึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ได้ผลจริงๆด้วย”
บรรจงเก็บหนังสือสำคัญเข้าชั้นอย่างดี ก่อนจะเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วหยิบเอาสมุดได้อารี่ขึ้นมาจดบันทึก
วันที่ xx เดือน xx
วันนี้ได้คุยกับ เขาคนนั้น ด้วย แสดงว่าหนังสือได้ผล
ตาเรียวเหลือบไปมองหนังสือบนชั้นอีกครั้ง ยิ้มกับตัวเองน้อยๆก่อนจะเริ่มเขียนต่อ
…………………………………………………………
‘ในที่สุดวันนี้ก็กล้าเข้าไปคุยจนได้’ เขานั่งคิด ยกมือขึ้นเท้าคางดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปหยิบเอาก้อนกระดาษออกมาจากกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากสีชมพูยกยิ้มขึ้น
ตากลมเหลือบไปมองหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ หนังสือที่เขาไปเจอที่ร้านหนังสือเก่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ซึ่งคุณยายเจ้าของร้านโฆษณานักหนาว่าได้ผลอย่างนั้นได้ผลอย่างนี้ เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ตัดใจซื้อมาลอง
ต้องยอมรับว่ามันได้ผลจริงๆ เขาอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาจ้องมองท้องฟ้ายามราตรีต่อ หนังสือเล่มหนาบนชั้นเล่มเป็นสีน้ำเงินมอๆไม่โดดเด่นหากแต่ชื่อหนังสือที่อยู่ตรงสันกลับเด่นชัดสลักไว้ด้วยตัวอักษรสีทองว่า
‘หนังสือทำเสน่ห์’
………………………………………………………………….
“ทำอะไรอยู่น่ะยาย” เด็กชายตัวเล็กขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียพลางส่งเสียงถามคุณยายที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกๆใส่เศษกระดาษ
“ยายกำลังจะแก้หนังสือนิดหน่อยน่ะ ยายคิดว่าคาถาสองอันนี้มันดูเว่อร์ๆไปหน่อย เดี๋ยวคนเขาจะไม่เชื่อ” หญิงสาวร่างท้วม ใบหน้าเหี่ยวย่นตามอายุขัยหันมาตอบหลานชาย
“อะไรน่ะ คาถาทำเสน่ห์บทที่เก้า ให้เขียนคำว่า ‘ชอบ’ ลงในกระดาษ แล้วเอาไปให้คนที่ชอบ ซึ่งทำยังไงก็ได้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าใครเป็นคนให้ แล้วก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้ได้รับกระดาษแผ่นนั้นคืนมาเป็นของตนไม่ว่าจะโดยวิธีอะไรก็ตาม ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะสมหวังเรื่องความรักกับคนๆนั้นทันที หนังสืออะไรเนี่ย!?” เด็กชายร้องเสียงหลงทันทีที่อ่านจบ
“ก็เคล็ดลับสร้างรักไงล่ะ เอ้า! ไหนๆก็มาแล้ว ช่วยกันแก้อันนี้หน่อยสิ” นิ้วมือเหี่ยวย่นชี้ไปยังหัวข้อในกระดาษที่วางไว้อย่างเกะกะ
“คาถาทำเสน่ห์บทที่สามสิบ ให้เขียนคำว่าชอบลงในกระดาษสีชมพู แล้วให้นำกระดาษแผ่นนี้ไปให้คนที่ชอบ ทำยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายพกกระดาษแผ่นนี้ติดตัวไว้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ แล้วเขาคนนั้นก็จะเข้ามาหาคุณเอง โห…โคตรจะไม่น่าเชื่อถือเลย จะมีใครหน้าไหนที่กล้าทำตามเนี่ย” เด็กชายบ่นอุบอิบ
“ฉันถึงได้จะแก้อยู่นี่ไงเล่า! อย่าพูดมากเลย มาช่วยฉันคิดดีกว่า”
……………
…………
……….
……
…
กระแสลมกรรโชกจากหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ส่งผลให้กระเป๋านักเรียนที่วางหมิ่นเหม่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือหล่นลงมากระแทกกับพื้น ท่ามกลางหนังสือเรียนยับยู่ยี่ เศษขนม และเศษกระดาษต่างๆซึ่งกระจายออกมาจากปากกระเป๋าที่รูดซิปไม่สนิทตามแรงโน้มถ่วงของโลก กระดาษการ์ดสีชมพูอ่อนขนาดเล็กเท่านามบัตรแผ่นหนึ่ง กำลังส่องประกายวาบวับย้อกับแสงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่ยามราตรี…………
=====================