[Tom&Jerry][JxT] คนสำคัญ

Title : คนสำคัญ

Fandom : Tom & Jerry

Pairing : Jerry X Tom

Rate : PG

Note : ตอนนี้เกิดจากแรงมโนล้วนๆค่ะ นั่งดูแล้วเกิดครั่นเนื้อครั่นตัวอยากแต่ง 55555

 

*************************

 

วันนี้คุณนายเกอร์ทูธไม่อยู่บ้าน….

 

 

แมวหนุ่มนึกครึ้มในใจ แลบลิ้นไล้เลียนมอุ่นในชามจนเกลี้ยง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แหงนมองเวลา นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงเช้า นับว่าเป็นฤกษ์ดีทีเดียว

 

 

ขายาวก้าวพรวดไปยังรูหนูที่อยู่มุมห้อง วางกับดักหนูที่มีเนยแข็งติดเอาไว้ตรงปากทางเข้า ก่อนจะถอยหลังกลับไปหลบตรงมุมเสา คอยเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ห่างๆ

 

 

มุมปากคลี่ยิ้มออกมาอย่างหุบไม่อยู่ ยามจินตนาการถึงตอนหนูตัวเล็กสีน้ำตาลโดนกับดักหนูหนีบเข้าดังผัวะ แค่คิดก็รู้สึกสนุกขึ้นมา นอกจากจะสามารถกำจัดคู่กัดไปได้แล้ว ยังเอาไว้อวดคุณนายเกอร์ทูธเพื่อเอาหน้าได้อีกต่างหาก

 

 

ขณะครุ่นคิดไปต่างๆนาๆอย่างอารมณ์ดี แมวตัวสูงโย่งที่หมอบคุดคู้หลบอยู่หลังเสาไม่ทันได้สังเกตเห็นหนูเจอร์รี่ที่ยืนห่างออกจากไปราวๆหนึ่งช่วงแขน เจอร์รี่ยืนกอดอกพลางส่ายศีรษะน้อยๆ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบแมวตรงหน้าดี เอากับดักหนูมาวางไว้โต้งๆแบบนั้น จะมีหนูโง่ตัวไหน ยอมเข้าไปติดกับดักที่เห็นได้ชัดขนาดนั้นกัน หนูน่ะ… ไม่ได้สมองเล็กเหมือนขนาดตัวหรอกนะ

 

 

นั่นสิ… จะมีหนูโง่ที่ไหนยอมเข้าไปติดกับดักแบบนั้นกันล่ะ….

 

 

ยกเว้นก็แต่ หนูโง่ตัวนี้….

 

 

เจอร์รี่คิดอย่างระอาใจ รู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ดันไปชอบไอ้เจ้าแมวทึ่มที่โคตรจะซื่อบื้อไม่มีใครเกิน ไอ้ครั้นจะให้บอกไปโต้งๆว่า ‘ชอบ’ ก็ดูจะผิดวิสัยเขาไปหน่อย

 

 

คิดแล้วก็เหนื่อย…

 

 

ขาเล็กเดินอ้อมไปด้านหลัง มุดเข้ารูหนูตรงมุมผนังอีกฝาก เจอร์รี่ขุดเจาะบล็อคอิฐด้านในเอาไว้จนเป็นโพรงกรวง ทางเดินด้านในจึงเชื่อมต่อกันไปทุกที่ เขามุดลอดออกมาจากรูที่เจ้าแมวโง่วางกับดักหนูหมายจะดักตัวเขา ก่อนจะแสร้งทำเป็นเพิ่งตื่น อ้าปากหาววอด พลางยกมือขึ้นปิดใบหน้า ปลายหางตาสังเกตกับดักหนู ในใจครุ่นคิดถึงท่วงท่าที่จะทำให้ปลายหางตัวเองแค่โดนหนีบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่

 

 

ผัวะ!

 

 

เสียงกับดักหนูดีดดังผัวะยามเจอร์รี่โค้งตัวลงแตะก้อนเนยแข็ง เส้นเหล็กหนาหนีบเข้ากับปลายหางของเขาอย่างหมิ่นเหม่อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ถึงแม้จะแค่ปลายหางแต่เอาเข้าจริงก็แอบเจ็บเล็กๆเหมือนกัน

 

 

นี่ถ้าไม่ใช่เขา จะมีหนูโง่ตัวไหนยอมให้เจ้าแมวโง่ตัวนี้จับอีกไหมเนี่ย…

 

 

ทอมวิ่งพรวดออกมาอย่างดีใจ ดวงตาสีเหลืองอำพันวาวระยับ ยกนิ้วดีดเอาเหล็กที่หนีบหางเจอร์รี่ออก พลางใช้อุ้งมือโอบรอบเจอร์รี่ขึ้นมา

 

 

“ฮ่าๆ คราวนี้แหละ แกเสร็จฉันแน่!” ทอมหัวเราะเต็มเสียงจนตัวสั่น

 

 

ใครจะเสร็จใครกันแน่…

 

 

เจอร์รี่ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ พลางระบายรอยยิ้มออกมาทางสีหน้า

 

 

อดคิดไม่ได้ว่า อุ้งมืออุ่นของเจ้าแมวโง่นี่ให้ความรู้สึกดี จนบางครั้งนึกอยากให้ฝ่ามือนี้โอบรัดตัวเองเอาไว้อยู่ตลอดเวลา นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เจอร์รี่มักจะยอมให้ทอมจับอยู่บ่อยๆ

 

 

อีกทั้ง… เขาเองก็รู้ว่า ไอ้แมวทึ่มนี่ ไม่ได้คิดที่จะกำจัด หรือกินเขาอย่างที่พูดพร่ำปาวๆนั่นหรอก แน่นอนว่า ทอมไม่ได้ชอบเขาในความหมายเดียวกับที่เขาชอบทอม …ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ในฐานะคู่แข่ง แต่เป็นอะไรที่นอกเหนือจากนั้น เจอร์รี่คิดว่า สิ่งนั้น คงจะใกล้เคียงกับคำว่า… คนสำคัญ

 

 

แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่เจอร์รี่คาดเดา โดยอาศัยสถานการณ์หรือเรื่องราวหลายๆอย่างที่ผ่านมา… เขาไม่รู้หรอก ว่าจริงๆแล้วทอมคิดอะไรอยู่กันแน่ …แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่เขาจะสามารถเข้าใจความคิดอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

 

 

คงเพราะเห็นเขานิ่งเงียบไป ฝ่ามืออุ่นจึงคลายออก นัยน์ตาสีเหลืองอำพันหรี่มองตัวเขาอย่างนึกสงสัย พลางส่งเสียงทุ้มต่ำอย่างที่เจอร์รี่ได้ยินจนชินเอ่ยถาม “…เอ่อ นายไม่สบายเหรอ?”

 

 

ทอมคลายฝ่ามือ เปลี่ยนจากกำรอบลำตัวหนูตัวเล็ก เป็นแบมือออกให้เจอร์รี่ได้นั่งอยู่บนฝ่ามือสบายๆ ดวงตาของแมวตรงหน้าฉายแววเป็นกังวล

 

 

ก็เพราะทอมเป็นอย่างนี้ไง เขาถึงเลิกชอบเจ้าแมวทึ่มนี่ไม่ได้เสียที… ชอบวางท่าเป็นวายร้าย ทำตัวเกเร แต่แท้จริงแล้ว กลับอ่อนไหวเสียยิ่งกว่าใคร…

 

 

เจอร์รี่อดจุดยิ้มนิดๆขึ้นมาไม่ได้

 

 

“…นี่” น้ำเสียงนั่นฉายแววเป็นห่วงมากขึ้น สงสัยเจ้าแมวโง่คงนึกว่าเขาป่วยเข้าจริงๆแล้วกระมัง

 

 

“…ฉันไม่เป็นไร” เจอร์รี่ลุกขึ้นยืนอยู่กลางฝ่ามือ พลางส่งเสียงตอบ พวงหน้าเจ้าแมวตรงหน้าคลี่ยิ้มโล่งใจออกมาอย่างลืมตัว

 

 

เจอร์รี่จ้องมองรอยยิ้มที่ระบายอยู่ตรงนั้น เขารู้สึกอุ่นวาบในใจ กระพริบตากลมโตของตัวเองหนึ่งครั้งเสมือนตัดสินใจ ฝ่ามือที่กำก้อนเนยแข็งที่ได้มาจากกับดักหนูเงื้อขึ้น ก่อนจะปาแผละไปบนจมูกของแมวตรงหน้า

 

 

ทอมคล้ายตกใจและระคนดีใจในเวลาเดียวกัน

 

 

เจอร์รี่กระโดดแผล็วลงจากฝ่ามือของทอม พลางหมุนตัวกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ก่อนจะเริ่มวิ่งหนี

 

 

เจอร์รี่ไม่ได้หันกลับไปมองใบหน้าทอมอีกครั้งหรอก แต่เขารู้ว่าใบหน้านั่นจะต้องระบายไว้ด้วยรอยยิ้มแสนสุข และรู้ว่าอีกไม่นานทอมจะต้องวิ่งไล่กวดเขามาอย่างแน่นอน

 

 

สำหรับในตอนนี้… สถานะ ‘คนสำคัญ’ ก็ไม่เลวเหมือนกัน

 

 

 

-END-

[Original-Fiction] กระดาษ

Title : กระดาษ
Rate : PG
Note : เป็นเรื่องที่แต่งเล่นๆค่ะ ไม่มีชื่อตัวละครหรืออะไรทั้งนั้น พอดีนึกถึงช่วงตอนเรียนม.ปลาย แล้วมักจะชอบมีเด็กปาเศษขยะใส่ถังขยะบ่อยๆ เลยเกิดอาการอยากเอาพล็อตนั้นมาใช้ขึ้นมาบ้าง 5555

—————————-

 

 

ชอบ….

 

 

คิ้วเรียวขมวดจนมุ่น พลางจ้องมองจดหมายที่เจ้าตัวเพิ่งได้รับมาเมื่อกี้นี้
จะเรียกว่าจดหมายก็คงไม่ถูกนัก น่าจะบอกว่า มันคือเศษกระดาษหนึ่งแผ่นมากกว่า เพราะกระดาษที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้มันทั้งยับยู่ยี่และเละเทะเต็มไปด้วยรอยรองเท้า ทว่า มีเพียงตัวอักษรสีดำคำว่า ‘ชอบ’ เท่านั้นที่เด่นชัดอยู่กลางกระดาษ

 

 

เขาเหลียวหลังกลับไปมองทางด้านหลังเพื่อหาตัวต้นเหตุที่ปากระดาษแผ่นนี้มาโดนเขา หากแต่ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่อยู่เต็มโรงอาหารทำให้ระบุตัวคนทำยากนัก

 

 

‘ช่างมันเถอะ’ คิดในใจก่อนจะขยำกระดาษเป็นก้อนกลมๆ กระชับก้อนกระดาษเข้าฝ่ามือไว้จนแน่น หยีตาลงข้างหนึ่งเพื่อกะระยะ ก่อนจะขว้างไปสุดแรง กระดาษกลมก้อนน้อยๆพุ่งตรงไปยังเป้าหมายก่อนที่จะ….

 

 

“แปะ…โอ๊ะ!” ก้อนกระดาษที่น่าจะหล่นลงไปยังถังขยะกลับไปหยุดตรงจุดหมายตรงแผ่นหลังใครคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นค่อยๆหันมาช้าๆ ใบหน้าขาวฉายแววงุนงง ก่อนจะก้มลงหยิบก้อนกระดาษกลมๆที่หล่นอยู่ตรงพื้นขึ้นมาอ่าน

 

 

‘ซวยแล้ว’ ตัวต้นเหตุคิด เขารีบก้มหน้าเสหลบสายตาของอีกคนที่กำลังกวาดสายตามองหาคนปา มือเรียวรีบคว้าจานข้าวที่กินเหลือไว้ครึ่งหนึ่งมาถือไว้ ก่อนจะรีบเดินก้าวสวบๆเอาไปเก็บตรงที่เก็บจานทันที ตาเรียวแอบเหลียวกลับมามองพลันสายตาก็ประทะเข้ากับสายตาอีกคนที่มองมาพอดี

 

 

“ตายแหง” พึมพำเสียงเบา ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งแหวกผู้คนหนีออกมา ได้ยินเสียงตะโกนเรียกดังตามหลังมาว่า ‘เดี๋ยวก่อน!’ ใครจะหยุดให้โง่วะ!?

 

 

“แฮ่กๆ” วิ่งมาจนถึงหลังอาคาร ร่างโปร่งยืนหอบพิงกำแพง ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมา

 

 

“นี่…” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัว เขาผงะก่อนจะรีบเด้งตัวออกห่าง ขาเรียวตั้งใจว่าจะเดินหนีถ้าไม่ติดที่ถูกฝ่ามือหนาจับเอาไว้จนแน่น!?

 

 

“มะ…มีอะไร” กลั้นใจถามเสียงสั่น เขาไม่คิดหรอกนะว่าแค่ก้อนกระดาษเล็กๆ จะทำให้เจ็บอะไรนักหนา แต่มันก็อาจจะไม่แน่สำหรับผู้ชายคนนี้ ที่โด่งดังเรื่องทะเลาะวิวาท และพร้อมจะหาเรื่องได้ทุกเวลา จนมีเรื่องเข้าห้องปกครองได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ นี่เขาไม่ได้กลัวหรอกนะ จริงๆ!?

 

 

“กระดาษนี่…” อีกฝ่ายชูมือที่ถือกระดาษขึ้น เขามองไปที่กระดาษก่อนจะกลั้นใจตอบ

 

 

“ขอโทษนะ ที่เราปาไปโดน เราไม่ได้ตั้งใจ เราจะปาลงถังขยะ” เขารีบรัวตอบอย่างไม่มีเวลาพักหายใจ

 

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น….” อีกฝ่ายบอก

 

 

เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามต่อ “อ้าว…แล้วนายตามเรามาทำไม”

 

 

“ก็กระดาษเนี่ย..” อีกฝ่ายเว้นช่วงไว้นิดหนึ่ง ริมฝีปากสีชมพูส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ของฉันเอง”

 

 

“ห้ะ!?” เขาอุทานออกมาอย่างงงๆ นิ้วเรียวชี้ไปที่ก้อนกระดาษที่อยู่ในมืออีกฝ่าย “ของนาย”

 

 

อีกฝ่ายพยักหน้ารับน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “ที่เรียกก็เพื่อจะมาบอกว่า ขอบคุณนะ”

 

 

“เอ่อ…ไม่เป็นไร งั้นช่วย…ปล่อยแขนเราก่อนได้มั้ย” เขาบอกเบาๆ อีกฝ่ายไม่ตอบหากแต่ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ซะจนเขาต้องย่นคอหนี

 

 

“แล้วไม่คิดจะถามเราเหรอ ว่าทำไมกับอีแค่กระดาษใบเดียวมันถึงสำคัญกับเรานัก” ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนของอีกฝ่ายสะท้อนกับแสงแดดจนเป็นประกายระยับ เขาเผลอจ้องมองดวงตานั้นโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เปลี่ยนเป็นตอบคำถามด้วยคำถามแทน

 

 

“เอ่อ..แล้วเพราะอะไรถึงสำคัญล่ะ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะเริ่มตอบ

 

 

“เพราะ…”

 

 

 

“เพราะ?”

 

 

 

“เพราะกระดาษแผ่นนี้เป็น ‘ที่ระลึกครั้งแรก’ ที่ทำให้เราได้คุยกับนายน่ะสิ!” เมื่อพูดจบร่างสูงตรงหน้าก็โผเข้ากอดเขาอย่างเต็มแรง เขายืนตัวแข็งปล่อยให้อีกฝ่ายโอบกอดอยู่อย่างนั้น พลางคิดทบทวนเรื่องต่างๆในหัวอย่างมึนๆ

 

 

 

=============================

 

 

 

 

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับเมื่อมาส่งเขาถึงหน้าบ้าน เขาโบกมือไหวๆ ส่งให้จนแผ่นหลังของอีกฝ่ายลับหายไปในความมืด เขาถึงเดินเข้าบ้าน

 

 

เขานั่งลงบนเตียง ก่อนจะค่อยๆสอดมือเข้าไปใต้หมอนแล้วหยิบเอาหนังสือเล่มหนามาถือเอาไว้ในมือ ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มน้อยๆ พึมพำกับตัวเองเบาๆ

 

 

“ได้ผลจริงๆด้วย”

 

 

บรรจงเก็บหนังสือสำคัญเข้าชั้นอย่างดี ก่อนจะเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วหยิบเอาสมุดได้อารี่ขึ้นมาจดบันทึก

 

 

วันที่ xx เดือน xx

 

วันนี้ได้คุยกับ เขาคนนั้น ด้วย แสดงว่าหนังสือได้ผล

ตาเรียวเหลือบไปมองหนังสือบนชั้นอีกครั้ง ยิ้มกับตัวเองน้อยๆก่อนจะเริ่มเขียนต่อ

 

 

 

…………………………………………………………

 

 

 

‘ในที่สุดวันนี้ก็กล้าเข้าไปคุยจนได้’ เขานั่งคิด ยกมือขึ้นเท้าคางดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะค่อยๆล้วงเข้าไปหยิบเอาก้อนกระดาษออกมาจากกระเป๋ากางเกง ริมฝีปากสีชมพูยกยิ้มขึ้น

 

 

 

ตากลมเหลือบไปมองหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ หนังสือที่เขาไปเจอที่ร้านหนังสือเก่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ซึ่งคุณยายเจ้าของร้านโฆษณานักหนาว่าได้ผลอย่างนั้นได้ผลอย่างนี้ เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ตัดใจซื้อมาลอง

 

 

 

ต้องยอมรับว่ามันได้ผลจริงๆ เขาอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาจ้องมองท้องฟ้ายามราตรีต่อ หนังสือเล่มหนาบนชั้นเล่มเป็นสีน้ำเงินมอๆไม่โดดเด่นหากแต่ชื่อหนังสือที่อยู่ตรงสันกลับเด่นชัดสลักไว้ด้วยตัวอักษรสีทองว่า

 

 

 

‘หนังสือทำเสน่ห์’

 

 

 

………………………………………………………………….

 

 

 

“ทำอะไรอยู่น่ะยาย” เด็กชายตัวเล็กขยี้ตาตัวเองอย่างงัวเงียพลางส่งเสียงถามคุณยายที่นั่งเขียนอะไรยุกยิกๆใส่เศษกระดาษ

 

 

 

“ยายกำลังจะแก้หนังสือนิดหน่อยน่ะ ยายคิดว่าคาถาสองอันนี้มันดูเว่อร์ๆไปหน่อย เดี๋ยวคนเขาจะไม่เชื่อ” หญิงสาวร่างท้วม ใบหน้าเหี่ยวย่นตามอายุขัยหันมาตอบหลานชาย

 

 

 

“อะไรน่ะ คาถาทำเสน่ห์บทที่เก้า ให้เขียนคำว่า ‘ชอบ’ ลงในกระดาษ แล้วเอาไปให้คนที่ชอบ ซึ่งทำยังไงก็ได้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าใครเป็นคนให้ แล้วก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้ได้รับกระดาษแผ่นนั้นคืนมาเป็นของตนไม่ว่าจะโดยวิธีอะไรก็ตาม ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะสมหวังเรื่องความรักกับคนๆนั้นทันที หนังสืออะไรเนี่ย!?” เด็กชายร้องเสียงหลงทันทีที่อ่านจบ

 

 

 

“ก็เคล็ดลับสร้างรักไงล่ะ เอ้า! ไหนๆก็มาแล้ว ช่วยกันแก้อันนี้หน่อยสิ” นิ้วมือเหี่ยวย่นชี้ไปยังหัวข้อในกระดาษที่วางไว้อย่างเกะกะ

 

 

 

“คาถาทำเสน่ห์บทที่สามสิบ ให้เขียนคำว่าชอบลงในกระดาษสีชมพู แล้วให้นำกระดาษแผ่นนี้ไปให้คนที่ชอบ ทำยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายพกกระดาษแผ่นนี้ติดตัวไว้ตลอดหนึ่งสัปดาห์ แล้วเขาคนนั้นก็จะเข้ามาหาคุณเอง โห…โคตรจะไม่น่าเชื่อถือเลย จะมีใครหน้าไหนที่กล้าทำตามเนี่ย” เด็กชายบ่นอุบอิบ

 

 

 

“ฉันถึงได้จะแก้อยู่นี่ไงเล่า! อย่าพูดมากเลย มาช่วยฉันคิดดีกว่า”

 

 

 

……………

…………

……….

……

 

 

กระแสลมกรรโชกจากหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ส่งผลให้กระเป๋านักเรียนที่วางหมิ่นเหม่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือหล่นลงมากระแทกกับพื้น ท่ามกลางหนังสือเรียนยับยู่ยี่ เศษขนม และเศษกระดาษต่างๆซึ่งกระจายออกมาจากปากกระเป๋าที่รูดซิปไม่สนิทตามแรงโน้มถ่วงของโลก กระดาษการ์ดสีชมพูอ่อนขนาดเล็กเท่านามบัตรแผ่นหนึ่ง กำลังส่องประกายวาบวับย้อกับแสงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่ยามราตรี…………

 

 

 

 

=====================